“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ตอน ม็อบ 3 นิ้ว-ธนาธร โหนยึดอำนาจเมียนม่า เรื่องที่คนนินทาหมาดูถูก
กรณีแนวร่วมม็อบคณะราฎร 2563 หรือม็อบ 3 นิ้ว ออกแอ็กชั่นหน้าสถานทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ไปไม่ถูกที่ ผิดเวลา จนคนนินทา หมาดูถูก
หลังจากเกิดการรัฐประหารในเมียนมา ที่ทหารยึดอำนาจ และได้จับตัว นางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ พร้อมนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยอีกหลายคน และถอดปลั๊กประชาธิปไตยในเมียนมาเป็นเวลา1 ปี
โดยทหารให้เหตุผลการยึดอำนาจว่า พรรค NLD ของกลุ่มนางอองซาน ที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อปลายปี2563 ทุจริตอย่างยอมรับไม่ได้ ซึ่งปฏิกิริยาของคนเมียนมาต่อการยึดอำนาจมีทั้งเห็นด้วย และต่อต้าน
แน่นอนว่ายุคโลกเสรี ประเทศส่วนใหญ่ย่อมต้องไม่เห็นด้วยกับเหตุการที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา แต่การแสดงออกใดๆ ก็ตาม ต่างระมัดระวังท่าที เพื่อไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในมิติต่างๆ หรือพูดง่ายๆว่า ต่างพยายามไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของกันและกัน
เห็นได้จาก ท่าทีหรือจุดยืนชาติอาเซียน ที่พูดบนหลักการเท่านั้น โดยเสนอให้ทุกฝ่ายในเมียนมาพูดคุย ประนีประนอม ให้ทุกอย่างกลับมาเป็นสภาวะปกติ ตามที่ประชาชนต้องการ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ปฏิบัติตามหลักประชาธิปไตย เคารพ ปกป้องสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพ
จะมียกเว้นก็แต่บรรดาประเทศมหาอำนาจ ที่แสดงออกโดยไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกัน ถือว่ามีพาวเวอร์คว่ำบาตร ตัดความสัมพันธ์ได้
ไม่ใช่เรื่องแปลก หากการชุมนุมต่อต้านเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยกลับคืนของชาวเมียนมา ไม่จะอยู่มุมไหนของโลก เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในฐานะประเทศบ้านเกิดเมืองนอน แต่ต้องถามว่าเป็นธุระของม็อบคณะราษฎร 2563 ที่ต้องออกมาผสมโรงด้วยหรือ?
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การออกแอคชันของม็อบ 3 นิ้ว ต้องการโหนหรือเกาะกระแสกับทุกเรื่อง ที่คิดว่าจะหวังผลได้ในทางการเมือง มีข้อสังเกตว่า การออกมาผสมโรงของ ม็อบ 3 นิ้ว เพื่อเรียกราคาค่างวดจากองค์กรในประเทศใดหรือไม่ เมื่อบรรดาแกนนำระดับห้าวเป้ง โผล่แจมกันพร้อมหน้า
ทั้ง เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์, รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล" ที่มีคดีติดตัวยาวเป็นหางว่าว จากการเคลื่อนไหวชุมนุมในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา ไม่เว้นแม้แต่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ออกตัวค้านการรัฐประหารแบบหัวชนฝา รวมถึง พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า
ตลอกจน อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ไปแสดงตัวร่วมชุมนุมที่หน้าสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ทั้งหมดล้วนเป็นคนหน้าเดิมที่พบเห็นได้ในขบวนม็อบ 3 นิ้ว อย่างสม่ำเสมอ
น่าแปลกที่ผู้ชุมนุมในไทยออกอาการเป็นเดือดเป็นร้อนยิ่งกว่าชาวเมียนมาเสียอีก เห็นได้จากการยั่วยุเข้าปะทะกับแนวป้องกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ไปทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับสถานทูตต่างประเทศ ที่ถือเป็นพื้นที่เอกสิทธิ์ของชาติๆนั้น
ถูกปลุกเร้าว่า จะมีการสลายการชุมนุม ที่สุดได้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนบาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย ในขณะที่ประเทศต้นเหตุกลับไม่มีเหตุการณ์ทำนองเดียวกัน
มองได้ว่า ในยามที่ประเทศไทยกำลังถูกผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ ผสมโรงกับอาการแผ่วของม็อบ 3 นิ้ว ที่ระยะหลังจุดไม่ติดปลุกระดมไม่ขึ้น บวกกับการที่แกนนำม็อบที่ออกอาการเหนื่อยล้าจากการถูกคดีความตีตรากันไม่หวาดไม่ไหว ทำให้อีเวนท์การชุมนุมของคณะราษฎรที่เคยคึกคักช่วงกลางปี 2563 ขาดตอน
พอมีสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเพื่อนบ้าน ก็เข้าทาง ม็อบ 3 นิ้ว ที่พยายามเพรียกหาประชาธิปไตยให้แก่ประเทศเมียนมา แม้ไม่ใช่ธุระของตัวเองก็ตาม
คงเข้าใจไม่ผิดว่า ม็อบ 3 นิ้วต้องการโกอินเตอร์ ยกระดับขยายประเด็นเรียกร้องประชาธิปไตยในระดับชาติ หวังผลทางอ้อมให้นานาชาติเหลือบมองและมากดดันรัฐบาลไทยไปในตัว โดยที่ลืมคิด หรืออาจจะจงใจ เป็นเหตุชักศึกเข้าบ้าน
หรือคิดให้ร้ายกว่านั้นอาจพยายามเสี้ยมให้มิตรประเทศผิดใจกัน เพื่อสร้างความยุ่งยากใจให้แก่รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็นได้.
กรณีม็อบธนาธรต้านยึดอำนาจในเมียนมา นักข่าวสำนักข่าวต่างชาติ คนหนึ่ง มองการชุมนุมประท้วงม็อบ3 นิ้วว่า
“ดูเหมือนว่า กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในประเทศไทย ได้ไฮแจ๊ค ปล้นกลางอากาศ ขัดขวางวัตถุประสงค์ของชาวเมียนมา ที่ประท้วงนอกสถานทูตเมียนมาในกรุงเทพฯ เพื่อต่อต้านการก่อรัฐประหารโดยทหารในประเทศของพวกเขาเอง”
การเคลื่อนไหวที่ถูกเรียก ว่าเนียนมา ที่หวังจะโก อินเตอร์ของม็อบ3 นิ้วกับคณะธนาธร อาศัยฉากสถานการณ์ยึดอำนาจของทหารในประเทศเมียนมา หนุนหลัง ได้กลายเป็นเรื่อง ที่คนนินทา หมาดูถูก ด้วยประการฉะนี้