เอเอฟพี - ชาวพม่าหลายพันคนเดินขบวนเรียกร้องให้ทหารถอนกำลังออกจากพื้นที่และยุติการละเมิดสิทธิ หลังทหารถูกกล่าวหาว่าสังหารผู้หญิงไร้อาวุธจากกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง
ในการยอมรับการกระทำผิดที่หาได้ยาก กองทัพยืนยันว่าทหาร 2 นาย ถูกจับกุมตัวจากการยิงหญิงชาวกะเหรี่ยงอายุ 40 ปี และชิงเครื่องประดับทอง ในเมืองดเวโล รัฐกะเหรี่ยง เมื่อวันที่ 16 ก.ค. และทหารทั้ง 2 นายนั้นถูกนำตัวขึ้นศาลทหารแล้ว ตามการเปิดเผยของโฆษกกองทัพ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้จุดชนวนความโกรธแค้นในรัฐที่ตกอยู่ในสงครามกลางเมืองมาหลายสิบปีระหว่างทหารและกองกำลังชาติพันธุ์กะเหรี่ยง และนำมาซึ่งการชุมนุมประท้วงต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การประท้วงที่เกิดขึ้นเมื่อวันอังคาร (28) ถือเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุด
ประชาชนในชุดพื้นเมืองราว 5,000 คน เดินขบวนโบกธงกะเหรี่ยงสีฟ้า ขาว และแดง ไปยังเมืองพะอาน เมืองเอกของรัฐกะเหรี่ยง
“เราต้องการให้ทหารถอนกำลังเพราะเรากังวลว่าเราอาจถูกยิงเสียชีวิต” ผู้ชุมนุมอายุ 57 ปี กล่าว
กลุ่มสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ลงนามหยุดยิงกับทหารในปี 2555 หลังจับอาวุธสู้รบกันมานานกว่า 60 ปี โดย KNU นั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์หลายกลุ่มที่เข้าร่วมกระบวนการสันติภาพของประเทศ
แต่ความไม่สงบปะทุขึ้นอีกครั้งในรัฐที่แบ่งอำนาจการปกครองออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนหนึ่งปกครองโดยส่วนกลาง และอีกส่วนหนึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของ KNU ซึ่งกลุ่มกะเหรี่ยงกล่าวหาว่าทหารสร้างถนนและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รุกล้ำดินแดนของตน
ซอ มิน ตุน โฆษกกองทัพกล่าวกับเอเอฟพีว่า ทหารจะไม่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ แต่ระบุว่า “กฎระเบียบต่างๆ จะมีความรัดกุมมากขึ้น” โดยไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงหลายหมื่นคนยังคงอาศัยอยู่ในค่ายพักตามแนวพรมแดนพม่า-ไทย
ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ภูมิภาคเอเชีย เรียกร้องให้นำตัวทหาร 2 นายขึ้นศาลพลเรือน และกล่าวตำหนิว่าการพิจารณาคดีของทหารขาดความโปร่งใส.