กสม. ชี้ กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนทำอีไอเอโครงการเหมืองแร่ถ่านหิน อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ละเมิดสิทธิมนุษยชน สั่งหน่วยงานทบทวน
วันนี้ (15 ก.ค.) นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสม. ด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนได้การพิจารณารายงานผลการตรวจสอบกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียในโครงการเหมืองแร่ถ่านหินในพื้นที่หมู่บ้านกะเบอะดิน ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ตามที่ชาวบ้านยื่นร้องเรียน เมื่อเดือน ธ.ค. 62
โดยเห็นว่า การขออนุญาตประกอบกิจการเหมืองแร่ถ่านหิน ที่ต้องมีการจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนตามกฎหมายนั้นส่วนที่เป็นการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนตาม พ.ร.บ.แร่ 2560 นั้น พบสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการตามมาตรา 56 เพื่อจัดให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นของชุมชนเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 62 แต่ในวันดังกล่าวไม่สามารถจัดประชุมได้ เนื่องจากมีประชาชนคัดค้าน ต่อมาภายหลัง สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการหารือร่วมกันกับประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อตกลงในการกำหนดวันและสถานที่สำหรับการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของชุมชนตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป ถือว่าเป็นการทำหน้าที่เพื่อให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นตามที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.แร่ 60 ดังนั้น กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนในส่วนนี้จึงยังไม่ปรากฏว่า มีการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
แต่ในส่วนการดำเนินกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อประกอบการจัดทำรายงาน EIA ตาม พ.ร บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535 นั้น พบว่า การจัดประชาคมหมู่บ้านกะเบอะดิน ต.อมก๋อย ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน มีข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เช่น มีประชาชนยืนยันว่าไม่เคยเข้าร่วมการประชุมมาก่อน แต่กลับปรากฏรายชื่อเป็นผู้เข้าร่วมการประชุมและลงชื่อเห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว และในชั้นการพิจารณารายงาน EIA คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงาน EIA ด้านเหมืองแร่และอุตสาหกรรมถลุงหรือแต่งแร่ มีความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของประชาชนว่า ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยเฉพาะประเด็นปัญหาด้านการสื่อสารผ่านผู้นำชุมชน ซึ่งน่าจะมีผลต่อความเข้าใจในรายละเอียดของโครงการ เนื่องจากประชาชนในพื้นที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง นอกจากนี้ วัตถุประสงค์ในการจัดประชาคมหมู่บ้านก็ให้ความสำคัญกับความต้องการของประชาชนมากกว่าการให้ข้อมูล รายละเอียดที่จำเป็นของโครงการ ย่อมทำให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นโดยไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงของตนเอง ดังนั้น การดำเนินการกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อประกอบการจัดทำรายงาน EIA ไม่สอดคล้องกับสิทธิในการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่รัฐธรรมนูญ 2550 และ 2560 บัญญัติไว้ และไม่เป็นไปตามองค์ประกอบสำคัญของการจัดการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความหมายอย่างแท้จริง ตามแนวทางที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กำหนดไว้
กสม. จึงมีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการป้องกัน แก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน และส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ 2 ส่วนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ 1. สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ควรนำรายงาน EIA โครงการทำเหมืองแร่ถ่านหินเสนอต่อคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงาน EIA ด้านเหมืองแร่และอุตสาหกรรมถลุงหรือแต่งแร่ เพื่อทบทวนรายละเอียดในส่วนของการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีข้อบกพร่อง โดยให้คำนึงถึงสิทธิของชุมชนในการมีส่วนร่วมในการจัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติรับรองไว้ ในกรณีที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ เห็นชอบกับรายงาน EIA และเห็นว่า เมื่อมีการประกอบกิจการเหมืองแร่ถ่านหินแล้ว เกิดผลกระทบทางลบต่อประชาชน ชุมชน สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ พึงกำหนดให้บริษัทเอกชนผู้ขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ มีแผนเยียวยาความเดือนร้อนหรือเสียหายให้แก่ประชาชนหรือชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรม และได้สัดส่วนกับความเดือดร้อนหรือเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ควรเร่งทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการรับฟังความเห็นของชุมชนตาม พ.ร.บ.แร่ 2560 เพื่อลดความกังวลของประชาชนในพื้นที่ โดยให้ประชาชนได้รับทราบถึงวิธีการให้ข้อมูลและการรับฟังความคิดเห็น โดยมีรายละเอียดต่างๆ เพียงพอ เหมาะสมแก่การเข้าถึงข้อมูล และดำเนินการให้ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียได้รับข้อมูลของโครงการล่วงหน้าเป็นเวลาเพียงพอที่จะสามารถเข้าใจเนื้อหาสาระ และสามารถให้ความเห็นต่อโครงการอย่างเป็นประโยชน์ได้ โดยดำเนินการภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ได้รับรายงาน
2. กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ควรนำหลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UNGPs) แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน แนวนโยบายแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญในเรื่องพลังงาน และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในกรอบสหประชาชาติ มาใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาประกอบการอนุญาตออกประทานบัตรเหมืองแร่ถ่านหิน ซึ่งเป็นโครงการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเชิงธุรกิจ อันอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน เพื่อให้เกิดประโยชน์และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
หากจำเป็นต้องมีการอนุญาตให้สัมปทานแก่เอกชนเข้าทำเหมืองแร่ถ่านหินในพื้นที่ดังกล่าว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ และกระทรวงมหาดไทย ควรต้องร่วมกันพิจารณาแนวทางการคุ้มครองวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงให้มีพื้นที่ทำกินอย่างเพียงพอและเหมาะสมในการดำรงชีวิตตามวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตดั้งเดิมของตนอย่างสงบสุข