เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ให้คำมั่นที่จะนำไปสู่ ‘ยุคใหม่’ แห่งความสัมพันธ์กับพม่า หลังรัฐบาลพม่าปูพรมแดงต้อนรับในวันนี้ (17) ในการเยือนประเทศอย่างเป็นทางการของผู้นำจีนที่มีเป้าหมายจะสนับสนุนรัฐบาลของนางอองซานซูจี และผลักดันข้อตกลงโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
เครื่องบินรบพม่าบินคุ้มกันเครื่องบินของผู้นำจีนขณะลงจอดในกรุงเนปีดอ ที่เด็กๆ ชาวพม่าได้มอบช่อดอกไม้ให้แก่เขา ตามการรายงานของสำนักข่าวซินหวา
นางอองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ กล่าวทักทายและสัมผัสมือกับผู้นำจีนที่บริเวณบันไดของทำเนียบประธานาธิบดี หลังเสร็จสิ้นพิธีการต้อนรับ โดยประธานาธิบดีวิน มี้น และวงโยธวาทิตกองทัพ ในวันแรกของการเยือนพม่าเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งเป็นการเยือนครั้งแรกของสี จิ้นผิง ในฐานะผู้นำ และเป็นประธานาธิบดีจีนคนแรกที่เยือนพม่าในรอบ 19 ปี
ประธานาธิบดีวิน มี้น ได้กล่าวกับนักข่าวที่ทำเนียบว่า การเยือนพม่าครั้งนี้เป็นการเยือนครั้งประวัติศาสตร์และมีความสำคัญอย่างมาก
ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวกับผู้นำพม่าว่า เขามั่นใจว่าความพยายามร่วมกันของทั้งสองฝ่ายในการทำให้การเยือนครั้งนี้ประสบความสำเร็จและนำความสัมพันธ์ทวิภาคีไปสู่ระดับใหม่และเข้าสู่ยุคใหม่ สำนักข่าวซินหวา รายงาน
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ผู้นำจากแดนมังกรพยายามที่จะฟื้นโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่หยุดชะงักไป ซึ่งเป็นศูนย์กลางของความริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ที่ถูกอธิบายว่าเป็นเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21
เด็กนักเรียนและเจ้าหน้าที่รัฐหลายร้อยคนตั้งแถวเรียงไปตามถนนจากสนามบินวันนี้ โบกธงชาติและร้องตะโกนอวยพรให้ประธานาธิบดีจีนมีสุขภาพแข็งแรง
“จีนมักช่วยเหลือประเทศของเราเมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต หรือเมื่อเราเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ พวกเขามักสนับสนุนช่วยเหลือเราและส่งเงินบริจาคมาให้แก่เรา” เอ เอ มู คุณครูชาวพม่า กล่าว
แต่ยังมีชาวพม่าอีกจำนวนมากที่มองจีนอย่างระแวดระวังและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไม่เป็นที่นิยม ด้วยทำให้ชาวบ้านหลายพันคนต้องโยกย้ายถิ่นฐานและสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
ผู้ชุมนุมประท้วงวางแผนที่จะรวมตัวกันนอกสถานทูตจีนในนครย่างกุ้งวันเสาร์ (18) เพื่อคัดค้าน “การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในพม่า” ที่รวมถึงโครงการเขื่อนไฟฟ้ามิตโสน มูลค่า 3,600 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 2554 แต่อาจกลับมาดำเนินการต่ออีกครั้ง.