รอยเตอร์ - นางอองซานซูจี ผู้นำพม่าเดินทางถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศของสหประชาชาติแล้ววันนี้ (10) เพื่อปกป้องชาติจากข้อกล่าวหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญา ขณะที่ประชาชนหลายพันคนในพม่าได้รวมตัวเดินขบวนแสดงการสนับสนุนให้กำลังใจอองซานซูจี
แกมเบียเริ่มดำเนินการทางกฎหมายต่อพม่าในเดือน พ.ย. กล่าวหาพม่าละเมิดข้อผูกพันภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปี 1948 และครั้งนี้เป็นคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คดีที่ 3 ที่ยื่นฟ้องยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ในช่วง 3 วันของการไต่สวน คาดว่าซูจีจะยังคงปฏิเสธการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และแถลงว่าปฏิบัติการของทหารเป็นการปราบปรามการก่อการร้ายอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญา
ซูจีเดินทางมาในขบวนรถยนต์ถึงพระราชวังสันติภาพในกรุงเฮก ก่อนกระบวนการศาลจะเริ่มขึ้น และปฏิเสธที่จะตอบคำถามจากบรรดานักข่าวเฝ้ารอ
ที่นครย่างกุ้ง ประชาชนหลายพันคนถือโปสเตอร์รูปซูจีและโบกธงชาติ ขณะร้องตะโกนว่า “ปกป้องศักดิ์ศรีของชาติ อยู่เคียงข้างแม่ซู”
“มันเหมือนกับว่าแม่ซูออกไปที่แนวหน้าเพื่อประเทศของเรา และเพื่อแสดงการสนับสนุนของเราและอยู่เคียงข้างเธอ เราเลยออกมาร่วมเดินขบวนนี้” มี้น มี้น ถิ่น อายุ 58 ปี กล่าว
การดำเนินการต่อหน้าคณะผู้พิพากษา 17 คนในสัปดาห์นี้ จะไม่จัดการกับข้อกล่าวหาหลักเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่แกมเบียได้ขอคำสั่งศาลให้พม่ายุติกิจกรรมใดๆ ก็ตามที่อาจทำให้ข้อพิพาทรุนแรงยิ่งขึ้น
แกมเบียจะแถลงว่า กองกำลังของพม่ากระทำทารุณอย่างเป็นระบบและกว้างขวางในช่วงที่เรียกว่า “ปฏิบัติการกวาดล้าง” ตั้งแต่เดือน ส.ค.2560 ที่ถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
คำฟ้องศาลของแกมเบียกล่าวหาว่า พม่ากระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่มีเจตนาจะทำลายโรฮิงญาแบบเป็นกลุ่ม ทั้งหมด หรือบางส่วน ด้วยการรุมโทรมข่มขืนและการใช้ความรุนแรงทางเพศในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งการทำลายอย่างเป็นระบบด้วยการเผาหมู่บ้านของพวกเขา และบ่อยครั้งมีผู้อาศัยถูกขังอยู่ภายในบ้านที่กำลังลุกไหม้.