รอยเตอร์ - การระดมยิงปืนใหญ่จากฝ่ายทหารพม่าทำให้ผู้หญิง 1 คน และเด็กทารกอีก 2 คนเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 คนในรัฐยะไข่ ตามการเปิดเผยของคนในพื้นที่และสมาชิกสภาเมืองมรัคอู ที่กองกำลังความมั่นคงกำลังต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์
กองทัพดำเนินการปราบปรามต่อต้านการก่อความไม่สงบกับกองทัพอาระกันที่เกณฑ์กำลังจากกลุ่มชาวพุทธชาติพันธุ์ยะไข่ในภูมิภาค โดยกองกำลังติดอาวุธระบุว่า ฝ่ายตนต่อสู้เพื่อเรียกร้องการปกครองตนเองจากรัฐบาลกลาง ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ตัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในพื้นที่เกือบทั้งหมดของรัฐในเดือน มิ.ย.
ประชาชนหลายหมื่นคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นทั่วรัฐยะไข่ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้นในเดือน ธ.ค.2561 และทำให้ภูมิภาคนี้ตกอยู่ในภาวะโกลาหลครั้งใหม่ หลังจากชาวมุสลิมโรฮิงญามากกว่า 730,000 คน ต้องอพยพหลบหนีการปราบปรามของทหารในปี 2560
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โฆษกทหาร 2 ราย ไม่ตอบรับโทรศัพท์ที่รอยเตอร์ติดต่อเพื่อขอความเห็น ขณะที่โฆษกของกองทัพอาระกันกล่าวโทษกองทัพเรื่องการระดมยิง โดยระบุว่า นักรบฝ่ายตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปะทะในเมืองมรัคอู
ตุน อ่อง จ่อ สมาชิกสภาเมืองมรัคอู กล่าวกับรอยเตอร์ว่า กลุ่มคนที่ได้รับบาดเจ็บนั้นยังรวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ 2 คน ส่วนผู้หญิงที่เสียชีวิตเป็นแม่ของเด็ก 3 คน
“รัฐบาลต้องให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของพลเรือนโดยทันที พวกเขาต้องควบคุมกองกำลังความมั่นคงของพวกเขา” ตุน อ่อง จ่อ กล่าว
ก่อนเกิดการต่อสู้ เมืองมรัคอูเคยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาชมวัดโบราณซึ่งเรียงรายอยู่ทั่วพื้นที่ แต่เวลานี้กลับเต็มไปด้วยค่ายพักของชาวบ้านที่พลัดถิ่น และในตัวเมืองหลายครอบครัวต้องนอนในบังเกอร์ที่สร้างขึ้นจากกระสอบทรายเพื่อป้องกันลูกปืนใหญ่และกระสุน
“สิ่งนี้เกิดขึ้นในพื้นที่พลเรือนในเมืองมรัคอู และยังใกล้กับเจดีย์โบราณ เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้” ซอ ตุ่น ครูในพื้นที่ กล่าว.