เอเอฟพี - ตัวประกันที่ถูกกลุ่มกบฏชาติพันธุ์ยะไข่จับตัวไปในการบุกโจมตีเรือเฟอร์รี่ได้เสียชีวิตลงเป็นจำนวนมาก ตามการเปิดเผยของกลุ่มติดอาวุธและกองทัพวันนี้ (27) ที่ต่างกล่าวโทษอีกฝ่ายหนึ่งถึงการเสียชีวิตที่เกิดขึ้น
ในวันเสาร์ (26) กองกำลังของกองทัพอาระกัน (AA) ที่กำลังต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเองแก่ชาวพุทธยะไข่ ได้เข้าโจมตีบังคับให้เรือเฟอร์รี่จอดเทียบท่าและจับตัวประกันไปราว 50 คน ที่ประกอบด้วย ทหาร 14 นาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 29 นาย
กองทัพระบุว่า ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์โจมตีติดตามกลุ่มกบฏที่พยายามหลบหนีพร้อมกับผู้ที่ถูกจับกุมตัวซึ่งโดยสารอยู่บนเรือ 3 ลำ
ทั้งสองฝ่ายยืนยันว่า มีตัวประกันจำนวนหนึ่งถูกสังหารในการต่อสู้ แต่ไม่ได้ระบุจำนวนผู้เสียชีวิตและต่างกล่าวโทษอีกฝ่ายว่าเป็นผู้รับผิดชอบการเสียชีวิตที่เกิดขึ้น
กองทัพอาระกันออกคำแถลงในเย็นวันนี้ (27) ระบุว่า เฮลิคอปเตอร์โจมตีของทหารที่ติดอาวุธปืนกลและจรวดได้ยิงเข้าใส่กลุ่มตัวประกันขณะกำลังถูกนำตัวไปสอบยังสถานที่ปลอดภัยในเรือ
“ผู้ถูกควบคุมตัวบางส่วนที่เรานำตัวไปซักถามถูกฆ่าตาย เรือ 2 ลำถูกทำลายสิ้น” คำแถลงของกองทัพอาระกัน ระบุ
ฝ่ายกองทัพได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา และระบุว่า กองทัพอาระกันได้สังหารคนเหล่านั้นก่อนที่การต่อสู้กับกองกำลังความมั่นคงจะเกิดขึ้น
“พวกเขาใช้ตำรวจเป็นโล่มนุษย์ เราไม่สามารถที่จะระบุอย่างชัดเจนได้ว่ามีผู้เสียชีวิตกี่ราย” พลจัตวาซอ มิน ตุน กล่าว
เหตุการณ์นี้มีแนวโน้มที่จะทำให้ปฏิบัติการของกองทัพในรัฐที่เต็มไปด้วยปัญหาความรุนแรงทางชาติพันธุ์และศาสนาทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
กองทัพอาระกันได้ก่อเหตุซุ่มโจมตี ลอบสังหาร และวางระเบิดโจมตี แต่ในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ กลุ่มกบฏกลับใช้วิธีลักพาตัว
ทหารถูกกล่าวหาว่าตอบโต้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการโจมตีอย่างรุนแรงที่รวมทั้งการโจมตีในพื้นที่พลเรือน ข้อกล่าวหาที่กองทัพปฏิเสธ และจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ประชาชนหลายหมื่นคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น
รัฐยะไข่เป็นพื้นที่เดียวกันกับที่ทหารดำเนินการปราบปรามชาวมุสลิมโรฮิงญากว่า 740,000 คน ในปี 2560 ที่ผู้สืบสวนสหประชาชาติระบุว่า เป็นปฏิบัติการล้างเผ่าพันธุ์ และกลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่า ทหารก่ออาชญากรรมสงคราม ที่รวมทั้งการวิสามัญฆาตกรรมในการปราบปรามระลอกใหม่กับกองทัพอาระกัน.