เอเอฟพี - สองนักข่าวชาวพม่าของรอยเตอร์ที่ถูกกล่าวหาว่า ละเมิดกฎหมายความลับราชการของพม่าระหว่างการรายงานข่าวเกี่ยวกับวิกฤตโรฮิงญา ต้องเผชิญต่อการพิจารณาคดี ตามการตัดสินของผู้พิพากษาวันนี้ (9)
วา โลน อายุ 32 ปี และกอ โซ อู อายุ 28 ปี นักข่าวชาวพม่าถูกตั้งข้อหาตามกฎหมายความลับทางราชการ ตามที่ผู้พิพากษาเย ละวิน กล่าวในศาล และกำหนดขึ้นศาลครั้งแรกในวันที่ 16 ก.ค.
ทั้งคู่ถูกควบคุมตัวนานเกือบ 7 เดือน เพื่อเข้ารับการพิจารณาเบื้องต้น ซึ่งพวกเขาถูกจับกุมตัวตั้งแต่เดือน ธ.ค. และถูกกล่าวหาว่าครอบครองเอกสารข้อมูลที่เชื่อมโยงกับปฏิบัติการความมั่นคงในรัยะไข่
รอยเตอร์ กล่าวว่า ทั้งสองคนเป็นผู้บริสุทธิ์ และเพียงแค่ทำหน้าที่ของพวกเขาโดยการรายงานเหตุการณ์การสังหารหมู่ชาวมุสลิมโรฮิงญา และได้เรียกร้องให้ศาลยกฟ้องคดี
การดำเนินการทางกฎหมายต่อนักข่าวทั้งสองคนถูกกลุ่มสิทธิมนุษยชน และผู้สังเกตการณ์ชาวต่างชาติวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการโจมตีเสรีภาพสื่อ และเป็นความพยายามที่จะควบคุมการรายงานเกี่ยวกับวิกฤตโรฮิงญา
ระหว่างการพิจารณาเบื้องต้น อัยการได้โต้แย้งนักข่าวว่าพยายามที่จะเข้าถึงเอกสารลับ และสมควรได้รับการลงโทษตามกฎหมายความลับราชการ
ด้านนักข่าวกล่าวว่า พวกเขาถูกตำรวจวางกับดัก คำกล่าวที่อ้างถึงเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะได้รับการสนับสนุนจากคำให้การของตำรวจนายหนึ่งว่า เจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งให้จัดฉากจับกุมนักข่าว
ทั้งคู่กำลังสืบสวนเหตุการณ์การสังหารหมู่ชาวมุสลิมโรฮิงญา 10 คน ในหมู่บ้านอินดิน รัฐยะไข่ ระหว่างการปราบปรามของทหารต่อกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญา
ก่อนรอยเตอร์เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับเหตุสังหารหมู่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่พม่ายอมรับว่าชายชาวโรฮิงญา 10 คน ถูกจับกุมตัว และถูกฆ่าอย่างไม่ถูกต้องที่หมู่บ้าน และในเวลาต่อมาได้ดำเนินคดีกับสมาชิกของกองกำลังรักษาความมั่นคงจำนวนหนึ่ง
วา โลน ที่กำลังรอเพื่อนนักข่าวอีกคนหนึ่งซึ่งขึ้นศาลแยกกันกล่าวให้คำมั่นว่าจะต่อสู้คดี
“เรามีสิทธิที่จะแก้ต่าง ศาลไม่ได้ตัดสินว่าเราผิด” วา โลน กล่าว
ในศาล กอ โซ อู ปฏิเสธการกระทำผิดใดๆ และกล่าวว่า เขาทำงานในฐานะนักข่าวที่ปฏิบัติตามจริยธรรมของสื่อ
ปฏิบัติการของกองทัพในเดือน ส.ค.2560 ส่งผลให้ชาวโรฮิงญากว่า 700,000 คน ที่ถูกปฏิเสธสิทธิการเป็นพลเมืองในพม่าต้องอพยพหลบหนีไปบังกลาเทศ.