ระนอง - ทหารระนอง ช่วย 22 โรฮิงญา 2 พม่า ถูกคนนำพาทิ้งบนยอดเขา ปล่อยอดน้ำ อดข้าวนาน 6 วัน เผยถูกคนชาติเดียวกันหลอกจะพาไปหางานทำในประเทศที่ 3 แต่สุดท้ายไปไม่ถึง
วันนี้ (3 ก.ค.) พ.อ.เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ได้รับรายงานจาก ร.ต.สุธานนนท์ พุ่มสร้าง หัวหน้าชุดจุดตรวจศิลาสลัก อ.กระบุรี จ.ระนอง ว่า ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ในพื้นที่ ม.3 ต.มะมุ อ.กระบุรี ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนไทย-พม่า ว่า มีชาวพม่า และชาวโรงฮิงญา จำนวน 3 คน เดินลงมาจากภูเขามาขอน้ำ และข้าวกิน และยังมีเพื่อนๆ อีกเป็นจำนวนมากที่ยังอยู่บนภูเขา โดยมีคนไทยนำมาทิ้งไว้ เนื่องจากที่ผ่านมาที่เจ้าหน้าที่ทำการกดดันจับกุมอย่างหนักกับขบวนการลักลอบขนต่างด้าวเข้าไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยอดอาหาร และน้ำมาแล้ว 6 วัน
หลังรับแจ้งจึงได้จัดกำลังทหารร่วมกับตำรวจตระเวนชายแดนที่ 415 เข้าไปยังจุดดังกล่าว เมื่อไปถึงพบชาวพม่า และชาวโรฮิงญา หรือชาวยะไข่ นั่งอยู่ที่หน้าบ้านของชาวบ้านในพื้นที่ และได้สอบถามจนทราบเรื่องราวในเบื้องต้น จากนั้นได้ให้ตัวแทนชาวพม่า และชาวโรงฮิงญาพาไปหาคนที่หลบซ่อนอยู่บนภูเขา พร้อมบอกว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนมาช่วยไม่ได้มาทำร้าย ทุกคนจึงออกมาจากที่ซ่อนบนภูเขา
เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวทั้งหมดมาที่จุดตรวจศิลาสลัก พร้อมประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดระนอง มาตรวจสอบ และจัดหาอาหาร และน้ำดื่มให้แก่ทุกคน ตามหลักสิทธิมนุษยธรรม จากการตรวจสอบพบว่า มีทั้งหมด 24 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 20 คน ผู้หญิง 4 คน
จากการสอบถามทราบว่า มีชาวพม่าที่รู้จักกันมาบอกว่า สามารถหางานให้ทำได้ที่ประเทศมาเลเซีย แต่ต้องจ่ายเงินคนละ 20,000 บาท เพื่อเป็นค่าเดินทาง เมื่อไปถึงประเทศมาเลเซียให้ทุกคนเลือกงานที่อยากจะทำได้ พวกตนจึงนั่งเรือลักลอบมาจากประเทศพม่า จากนั้นมาพบคนไทยแล้วพาขึ้นไปบนภูเขาบอกว่าให้รอแล้วก็หายไป ไม่มารับจนต้องอดข้าวอดน้ำเป็นเวลาถึง 6 วัน จึงเดินลงมาจากภูเขาเพื่อขออาหารกิน
พ.ต.ท.ชิติพัทธ์ ยางสวย สว.สืบสวน ตม.ระนอง กล่าวว่า หลังจากนี้จะนำตัวต่างด้าวทั้งหมดไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระนอง จากนั้นจะแยกสอบสวนทุกคนถึงที่มาที่ไปของเรื่องนี้ และ ประสานทางการพม่าถึงเรื่องราวดังกล่าว เนื่องจากในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พอจะทราบชื่อบุคคลทั้งที่ชาวพม่าที่ไปจัดหาคนมา และชาวไทยที่รับจ้างคนกลุ่มคนดังกล่าวแล้ว
เพื่อให้ทางการพม่าทำการจับกุมกลุ่มคนชาวพม่าดังกล่าวดังกล่าวมาทำการสอบสวนว่าจะเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ เนื่องจากประเทศไทย และประเทศพม่าเน้นหนักในเรื่องการแก้ปัญหาในเรื่องการค้ามนุษย์เป็นอย่างมาก
วันนี้ (3 ก.ค.) พ.อ.เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ได้รับรายงานจาก ร.ต.สุธานนนท์ พุ่มสร้าง หัวหน้าชุดจุดตรวจศิลาสลัก อ.กระบุรี จ.ระนอง ว่า ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ในพื้นที่ ม.3 ต.มะมุ อ.กระบุรี ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนไทย-พม่า ว่า มีชาวพม่า และชาวโรงฮิงญา จำนวน 3 คน เดินลงมาจากภูเขามาขอน้ำ และข้าวกิน และยังมีเพื่อนๆ อีกเป็นจำนวนมากที่ยังอยู่บนภูเขา โดยมีคนไทยนำมาทิ้งไว้ เนื่องจากที่ผ่านมาที่เจ้าหน้าที่ทำการกดดันจับกุมอย่างหนักกับขบวนการลักลอบขนต่างด้าวเข้าไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยอดอาหาร และน้ำมาแล้ว 6 วัน
หลังรับแจ้งจึงได้จัดกำลังทหารร่วมกับตำรวจตระเวนชายแดนที่ 415 เข้าไปยังจุดดังกล่าว เมื่อไปถึงพบชาวพม่า และชาวโรฮิงญา หรือชาวยะไข่ นั่งอยู่ที่หน้าบ้านของชาวบ้านในพื้นที่ และได้สอบถามจนทราบเรื่องราวในเบื้องต้น จากนั้นได้ให้ตัวแทนชาวพม่า และชาวโรงฮิงญาพาไปหาคนที่หลบซ่อนอยู่บนภูเขา พร้อมบอกว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนมาช่วยไม่ได้มาทำร้าย ทุกคนจึงออกมาจากที่ซ่อนบนภูเขา
เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวทั้งหมดมาที่จุดตรวจศิลาสลัก พร้อมประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดระนอง มาตรวจสอบ และจัดหาอาหาร และน้ำดื่มให้แก่ทุกคน ตามหลักสิทธิมนุษยธรรม จากการตรวจสอบพบว่า มีทั้งหมด 24 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 20 คน ผู้หญิง 4 คน
จากการสอบถามทราบว่า มีชาวพม่าที่รู้จักกันมาบอกว่า สามารถหางานให้ทำได้ที่ประเทศมาเลเซีย แต่ต้องจ่ายเงินคนละ 20,000 บาท เพื่อเป็นค่าเดินทาง เมื่อไปถึงประเทศมาเลเซียให้ทุกคนเลือกงานที่อยากจะทำได้ พวกตนจึงนั่งเรือลักลอบมาจากประเทศพม่า จากนั้นมาพบคนไทยแล้วพาขึ้นไปบนภูเขาบอกว่าให้รอแล้วก็หายไป ไม่มารับจนต้องอดข้าวอดน้ำเป็นเวลาถึง 6 วัน จึงเดินลงมาจากภูเขาเพื่อขออาหารกิน
พ.ต.ท.ชิติพัทธ์ ยางสวย สว.สืบสวน ตม.ระนอง กล่าวว่า หลังจากนี้จะนำตัวต่างด้าวทั้งหมดไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระนอง จากนั้นจะแยกสอบสวนทุกคนถึงที่มาที่ไปของเรื่องนี้ และ ประสานทางการพม่าถึงเรื่องราวดังกล่าว เนื่องจากในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พอจะทราบชื่อบุคคลทั้งที่ชาวพม่าที่ไปจัดหาคนมา และชาวไทยที่รับจ้างคนกลุ่มคนดังกล่าวแล้ว
เพื่อให้ทางการพม่าทำการจับกุมกลุ่มคนชาวพม่าดังกล่าวดังกล่าวมาทำการสอบสวนว่าจะเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ เนื่องจากประเทศไทย และประเทศพม่าเน้นหนักในเรื่องการแก้ปัญหาในเรื่องการค้ามนุษย์เป็นอย่างมาก