เอเอฟพี - ผู้ก่อการร้ายโรฮิงญา ปฏิเสธข้อกล่าวหาของกองทัพพม่าว่า พวกเขาได้สังหารหมู่ชาวฮินดู ที่ทหารพาสื่อมวลชนเข้าไปยังสถานที่ขุดศพในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่
การปะทะกันครั้งใหญ่ระหว่างกองทัพ และผู้ก่อการร้ายโรฮิงญาปะทุขึ้นเมื่อเดือนก่อน จนก่อให้เกิดวิกฤตผู้ลี้ภัยที่ชาวโรฮิงญาเกือบครึ่งล้านอพยพหลบหนีข้ามแดนไปบังกลาเทศ
รัฐบาลพม่าปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหประชาชาติที่ระบุว่า กองทัพดำเนินการปราบปรามกวาดล้างชาติพันธุ์โรฮิงญา ที่เผชิญต่อการกดขี่ข่มเหงในประเทศมานานหลายสิบปี
ในวันพุธ (27) กองทัพได้พาผู้สื่อข่าวไปยังพื้นที่ที่พบหลุมศพชาวฮินดู 45 ศพ ที่รวมทั้งผู้หญิงและเด็ก ทหารกล่าวหาผู้ก่อการร้ายโรฮิงญาเป็นผู้ก่อเหตุสังหารหมู่เมื่อวันที่ 25 ส.ค. วันเดียวกันกับที่กลุ่มก่อการร้ายก่อเหตุโจมตีด่านตำรวจจนทำให้ทหารต้องปราบปรามตอบโต้กลับ
ในคำแถลงอย่างเป็นทางการครั้งแรกถึงข้อกล่าวหาดังกล่าว กองทัพกอบกู้โรฮิงญาแห่งรัฐยะไข่ (ARSA) โพสต์บนทวิตเตอร์ของกลุ่ม ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่า สมาชิกของกลุ่มเป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรม ก่อความรุนแรงทางเพศ หรือบังคับคนเข้าร่วมกลุ่มในพื้นที่เมื่อวันที่ 25 ส.ค. และยังเรียกร้องให้กองทัพยุติการกล่าวโทษเหยื่อ
ศพที่เริ่มย่อยสลายถูกนำมาวางเรียงเป็นแถวบนทุ่งนอกหมู่บ้านเยบอกอ ท่ามกลางญาติผู้เสียชีวิตที่ร่ำไห้ ตามการระบุของผู้สื่อข่าวที่อยู่ในสถานที่
เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงยังคงออกค้นหาชาวฮินดูที่สูญหายอีก 48 คน ซึ่งบรรดาญาติต่างวิตกว่า จะเสียชีวิตไปแล้ว
กองทัพพยายามที่จะควบคุมการถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับวิกฤต จำกัดการเข้าถึงของสื่อในพื้นที่ขัดแย้ง ขณะเดียวกัน ได้โพสต์รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ที่กล่าวโทษผู้ก่อการร้ายโรฮิงญาสำหรับเหตุนองเลือดที่เกิดขึ้น
รายงานของรัฐบาล และทหารยังพยายามเน้นย้ำถึงความทุกข์ทรมานของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เช่น ชาวพุทธยะไข่ และชาวฮินดู ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความรุนแรง
ชาวฮินดูที่หลบหนีออกจากพื้นที่ได้บอกต่อนักข่าวว่า ชายสวมหน้ากากบุกเข้ามาในชุมชนของพวกเขา และฆ่าเหยื่อจนเสียชีวิตด้วยมีดดาบก่อนทิ้งศพลงหลุมที่เพิ่งขุดขึ้น
นี มอล แกนนำชาวฮินดู ที่ช่วยเจ้าหน้าที่ค้นหากล่าวต่อสื่อที่เดินทางลงพื้นที่ภายใต้การดูแลของกองทัพ ว่า พวกเขาพบจุดฝังศพตามคำให้การของหญิงฮินดู 8 คน ที่ถูกพาตัวไปบังกลาเทศหลังยินยอมที่จะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม
“พวกเขาไว้ชีวิตผู้หญิงหน้าตาดี 8 คน เพื่อพาแต่งงาน” แกนนำชาวฮินดู กล่าว
หญิงฮินดู 4 คน ที่หนีความรุนแรงไปอาศัยอยู่บังกลาเทศ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า พวกเธออยู่ในกลุ่มผู้หญิง 8 คน ที่หนีการสังหารหมู่ในหมู่บ้านข่าหม่องสิด ที่พบหลุมศพ
“เราร้องขอชีวิต ขอให้พวกเขาปล่อยตัว พวกเขาบอกว่า จะปล่อยต่อเมื่อเรายอมแต่งงานด้วย เราตอบตกลงเพื่อรักษาชีวิตของพวกเราไว้” หญิงฮินดูจากหมู่บ้านผู้ลี้ภัยชาวฮินดูในคอกซ์บาซาร์ บังกลาเทศ กล่าว
ผู้หญิงทั้ง 4 คน กล่าวว่า พวกเธอถูกคนร้ายพาไปค่ายของชาวมุสลิมโรฮิงญาในบังกลาเทศ และถูกขอให้พวกเธอเปลี่ยนมานับถืออิสลาม ก่อนที่แกนนำท้องถิ่นจะพาตัวไปหมู่บ้านชาวฮินดู
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดนี้ ยิ่งทวีความขัดแย้งระหว่างศาสนาในพื้นที่มากขึ้น ศูนย์กลางของเหตุความรุนแรงอยู่ที่เมืองหม่องดอ รัฐยะไข่ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนศาสนาต่างๆ โดยมีชาวโรฮิงญาเป็นประชากรส่วนใหญ่ แต่มากกว่าครึ่งของประชากรมุสลิมในตอนนี้ได้ละทิ้งบ้านของตัวเอง และหมู่บ้านถูกเผาราบหลายแห่ง ขณะที่ชาวพุทธ และฮินดูกว่า 30,000 คน ต้องอพยพหลบหนีเช่นกัน
กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหากองกำลังทหารใช้การวางเพลิงเป็นเครื่องมือบังคับให้ชาวโรฮิงญาหนีออกไปจากพื้นที่ และขัดขวางการกลับประเทศ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่กองทัพปฏิเสธ.