เอเอฟพี - ชาวมุสลิมโรฮิงญาหลายร้อยคนข้ามแดนเข้าไปในฝั่งบังกลาเทศในช่วงหลายวันมานี้ หลังทางการพม่าเสริมกำลังทหารในรัฐยะไข่ ตามการเปิดเผยของแกนนำชุมชนชาวโรฮิงญา
แกนนำชุมชนชาวโรฮิงญา ระบุว่า มีชาวโรฮิงญาอย่างน้อย 500 คน เดินทางอย่างยากลำบากเข้าไปในบังกลาเทศ และบางคนอ้างว่า ถูกทหารพม่ากระทำทารุณ
การไหลบ่าของชาวโรฮิงญาครั้งล่าสุดเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์การปราบปรามทางทหารยาวนานหลายเดือนกับชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในพม่าเมื่อปีก่อน ที่ส่งผลให้ชาวโรฮิงญาหลายหมื่นคนหลบหนีข้ามพรมแดนเข้าไปในบังกลาเทศ ซึ่งสหประชาชาติระบุว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเทียบได้กับการล้างเผ่าพันธุ์
อาบู ตอยยอบ กล่าวว่า เขาหลบหนีมาพร้อมกับสมาชิกครอบครัว 7 คน ขณะทหารเข้าบุกบ้านของชาวโรฮิงญา และควบคุมตัวชาวโรฮิงญาที่เป็นผู้ชาย
“พวกเขาจับน้องชายของผม และเตะลูกชายวัย 2 ขวบของผมจนได้รับบาดเจ็บ ผมรีบพาครอบครัวหนีข้ามแม่น้ำนาฟมาเมื่อ 2 คืนก่อน” อาบู ตอยยอบ กล่าวถึงแม่น้ำที่กั้นระหว่างสองประเทศ
ทางการบังกลาเทศประเมินว่า มีผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาเกือบ 400,000 คน อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยและเพิงพักชั่วคราวในพื้นที่ของเมืองคอกซ์บาซาร์ ที่มีชายแดนติดกับรัฐยะไข่
จำนวนชาวโรฮิงญาในประเทศเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ต.ค. ที่ชาวโรฮิงญามากกว่า 70,000 คน เริ่มทยอยเดินทางหลบหนีการปราบปรามในฝั่งพม่ามาที่ค่ายผู้ลี้ภัย พร้อมกับเรื่องการกระทำทารุณของทหารพม่าทั้งการสังหาร ข่มขืน และวางเพลิง
เจ้าหน้าที่รักษาชายแดนบังกลาเทศ กล่าวว่า พวกเขาได้เพิ่มการลาดตระเวนหลังมีรายงานว่าพม่าเพิ่มกองกำลังทหารในพื้นที่ และเมื่อสัปดาห์ก่อน ยางฮี ลี ผู้แทนพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ได้แสดงความวิตกถึงรายงานที่ระบุว่า กองกำลังทหารได้เสริมกำลังในรัฐยะไข่เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรักษาความปลอดภัยในรัฐ.