รอยเตอร์ - พม่าได้ส่งทหารหลายร้อยนายเข้าเสริมกำลังการรักษาความปลอดภัยในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ หลังเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา แหล่งข่าวทหารเปิดเผยวันนี้ (11) ความเคลื่อนไหวที่สร้างความหวาดกลัวว่าความรุนแรง และความไม่มั่นคงจะยิ่งเพิ่มสูงมากขึ้นในรัฐที่ประสบปัญหาแห่งนี้
พื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐยะไข่ ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม เกิดเหตุความรุนแรงเมื่อเดือน ต.ค.2559 ที่ผู้ก่อการร้ายมุสลิมโรฮิงญาได้โจมตีด่านชายแดน และสังหารตำรวจ 9 นาย ส่งผลให้ทางการดำเนินการปราบปรามตอบโต้อย่างรุนแรง
แหล่งข่าวทหาร 2 นาย ในรัฐยะไข่กล่าวต่อรอยเตอร์ว่า กองทัพได้ส่งกำลังทหารไปยังพื้นที่ทางเหนือของรัฐ เพื่อเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้แน่นหนาหลังเกิดเหตุชาวพุทธถูกแทงตาย 7 คน ในเทือกเขาใกล้เมืองหม่องดอ เมื่อสัปดาห์ก่อน
กองทัพส่งทหารราว 500 นาย ไปยังหลายเมืองใกล้ชายแดนบังกลาเทศในวันพฤหัสฯ ที่รวมทั้งเมืองบุติด่อง และเมืองหม่องดอ ตามการระบุของแหล่งข่าวทหารที่ทราบเรื่องโดยตรง
“เราต้องเพิ่มปฏิบัติการการรักษาความปลอดภัยเพราะสถานการณ์ความปลอดภัยเลวร้ายลง มีชาวพุทธ และชาวมุสลิมส่วนหนึ่งถูกผู้ก่อการร้ายสังหาร” หัวหน้าตำรวจรัฐยะไข่ กล่าว
การเสริมกำลังทหารดังกล่าวก่อให้เกิดความหวาดกลัวว่าจะเกิดเหตุความรุนแรงระลอกใหม่หลังจากปฏิบัติการทางทหารเมื่อปีก่อน ที่กองกำลังรักษาความมั่นคงถูกกล่าวหาว่า สุ่มยิงชาวบ้าน ข่มขืนผู้หญิงโรฮิงญา และเผาบ้านประชาชน
ผู้สอบสวนของสหประชาชาติที่สัมภาษณ์ผู้หลบหนีบางส่วนจาก 75,000 คน ในบังกลาเทศระบุว่า กองกำลังทหารก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ แต่รัฐบาลได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาต่างๆ และปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือต่อภารกิจค้นหาข้อเท็จจริงของสหประชาชาติที่ต้องการจะตรวจสอบการกระทำทารุณในพม่า
แม้ทหารจะดำเนินการปฏิบัติการปราบปรามครั้งใหญ่ในปีก่อน แต่รัฐบาลได้กล่าวหาผู้ก่อการร้ายยังคงเปิดค่ายฝึกในภูเขา และฆ่าผู้ที่ต้องสงสัยว่าให้ข้อมูลต่อทางการในชุมชนมุสลิม
รัฐบาลกล่าวหากลุ่มหัวรุนแรงอยู่เบื้องหลังการสังหารชาวพุทธ 7 คน ที่ชาวบ้านในพื้นที่เชื่อว่าเป็นผู้พบค่ายผู้ก่อการร้ายโรฮิงญา ซึ่งนั่นทำให้กองกำลังรักษาความมั่นคงออกตามล่าผู้สังหารในปฏิบัติการกวาดล้างเข้มข้น.