"ดูเตอร์เต" ปธน.ฟิลิปปินส์ห้าวเป้ง ใช่ชุดคอมแบ็ตสะพายปืนพร้อมลุยโจรไอซิสมาราวีถึงแนวหน้า

MGRออนไลน์ -- ชาวฟิลิปปินส์นับแสนๆ คน แชร์ภาพ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์โรดริโก ดูเตอร์เต (Rodrigo Duturte) ในช่วงข้ามวันมานี้ ขณะผู้นำสวมชุดคอมแบ็ตลายพรางกองทัพบก เดินทางเยี่ยมเยือนหน่วยรบหน่วยหนึ่ง ใน จ.ดานาว เดล นอร์ตี (Danao del Norte) ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งกองทัพกำลังระดมทรัพยากรต่างๆ เข้าปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายที่นิยมไอซิส

ทำเนียบมาลากันยังในกรุงมะนิลา เผยแพร่ภาพและข่าวกิจกรรมของประธานาธิบดี ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในวันศุกร์ 7 ก.ค.โดยระบุว่า นายดูเตอร์เต มีกำหนดการจะเดินทางต่อไปยังเมืองมาราวี (Marawi) เพื่อเยียมเยื่อนทหาร ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้าด้วย แต่ต้องล้มเลิก เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย

ภาพนายตูเตอร์เต ในชุดพราง สะพายปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติ เพียงแต่ไม่สวมรองเท้าคอมแบ็ต กำลังกระฉ่อนในโลกออนไลน์วันเสาร์นี้ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา บ้างก็ชอบ บ้างก็หาว่าผู้นำ กำลังสร้างภาพเพื่อให้การใช้ความรุนแรงของตนในอดีต ดูมีความชอบธรรมมากยิ่งขึ้น ในขณะที่คณะกรรมาธิการวุฒิสภาชุดหนึ่ง ยังคงสอบสวนการกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชน เมื่อครั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองดาวาว (Davao) มินเกาะมินดาเนา

ปธน.ฟิลิปปินส์ เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า ในครั้งโน้นเคยนั่งรถจักรยานยนต์ออกไล่ล่า พวกนักค้ายาเสพติดด้วยตนเอง ซึ่งกลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2541 มาจนถึง พ.ค.2559 คือ ช่วงที่นายดูเตอร์เตเป็นนายกเทศมนตรี มาจนถึงก่อนเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศ มีผู้ถูกสังหารไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1,400 คน ในดาวาว

ภาพล่าสุดนี้ ปธน.ฟิลิปปินส์ ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพ ซึ่งเทียบเท่ากับนายพลห้าดาว เดินทางไปเยือนหน่วยยานเกราะเคลื่อนที่เร็ว ที่ค่ายบารังกาย มารีอา คริสตินา (Barangay Maria Christina) เมืองอิลิกัน (Iligan) อยู่ห่างจากมาราวีขึ้นไปทางเหนือ โดยมีนายทหารทหารระดับสูงห้อมล้อม ผู้ติดตามยังรวมทั้งรวมทั้งที่ปรึกษาพิเศษคนหนึ่ง ที่เชี่ยวชาญด้านการทำสงครามในเขตเมืองด้วย สื่อออนไลน์ในฟิลิปปินส์รายงานในวันเสาร์นี้

กองทัพฟิลิปปินส์ที่ไม่เคยจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ใดๆ มานานหลายสิบปี กำลังเผชิญหน้าครั้งสำคัญกับกลุ่มกองโจรมุสลิมแยกดินแดน บนเกาะมินดาเนา และ เกาะอื่้นๆ ทางตอนใต้สุดของประเทศ รวมทั้งยังมีกองโจรพรรคคอมมิวนิสต์ฟิลิปปินส์ "คอมมิวนิสต์สายจีน" เมื่อก่อน ที่หลงเหลืออยู่ เมื่อเร็วๆ นี้พรรคคอมมิวนิสต์ได้เสนอช่วยเหลือรัฐบาล ในการปราบปรามกลุ่มมุสลิมไอซิส

เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ มีการเผยแพร่ภาพนายตูเตอร์เต กำลังเล็งปืนไรเฟิล ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติ 3,000 กระบอก ที่ได้รับบริจาคจากรัฐบาลจีนเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อช่วยเหลือในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายอิสลามนิยมไอซิส
.

2
อย่างไรก็ตามรัฐบาลกล่าวว่า อาวุธปืนจากจีน เกือบทั้งหมดจะใช้โดยกองกำลังตำรวจแห่งชาติ มีเพียงไรเฟิลสำหรับสไนเปอร์ราว 60 กระบอก เท่านั้น ที่หน่วยหนึ่งของกองทัพบกจะนำไปใช้ในสนามรบ ทั้งนี้เป็นรายงานโดยหนังสือพิมพ์ฟิลิปปินส์สตาร์

อาวุธจากจีนไปถึงฐานทัพอากาศคลาร์ก ใกล้กับกรุงมะนิลาเมื่อต้นเดือนนี้ ประกอบด้วยไรเฟิล TY-85 ปืนสไนเปอร์ขนาด 7.62 มม. ไรเฟิลความแม่นยำสูง CS/LR4A กับ CQ-A5 ซึ่งรหัส CQ เป็นปืนที่ผลิตโดยลอกเลียนแบบไรเฟิล M-16 ของสหรัฐ และ CQ-45 ก็คือ ไรเฟิลที่ใช้กระสุน 5.56 มม. โดยลอกเลียน M-4 ไรเฟิลมาตรฐานของกองทัพบกสหรัฐ ทุกกระเบียด สื่อฟิลิปปินส์กล่าว

"ไรเฟิล M-16 ทั้ง 3,000 กระบอก กระสุนอีก 5,000 นัด จะใช้สำหรับกองกำลังตำรวจแห่งชาติ.." หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกัน อ้างการสัมภาษณ์ พล.อ.โดนัลด์ เดลา โรซา (Ronald dela Rosa) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ Philippine National Police

ส่วนอีกทางหนึ่ง ถึงแม้ความสัมพันธ์กับสหรัฐ จะเลวร้ายลงนับตั้งแต่นายดูเตอร์เต เข้ารับตำแหน่ง แต่กองทัพยังคงพึ่งพาการช่วยเหลือจากสหรัฐ เป็นหลัก อย่างไม่เปลี่ยนแปลง

สัปดาห์ที่แล้วสื่อออนไลน์ฟิลิปปินส์หลายสำนัก ได้เผยแพร่ภาพเครื่อง C-130 ของกองทัพอากาศลำหนึ่ง บินกลับจากรัฐฮาวาย สหรัฐ พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมาก ซึ่งอาจจะรวมทั้งอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นแบบเมเวอริก (AGM-85 Maverick) สำหรับเครื่องบินโจมตีขนาดเบา FA-50PH ที่ซื้อจากเกาหลีด้วย

กองทัพฟิลิปปินส์ยอมรับก่อนหน้านี้ว่า นายกโยธินสหรัฐจำนวนหนึ่ง ยังคงประจำอยู่ที่ฐานทัพแห่งหนึ่ง ใกล้กับเมืองมาราวี ทำหน้าที่สนับสนุน แต่ไม่ได้ออกปฏิบัติการรบ ปราบปรามกองโจรมุิสลิมนิยมไอซิสโดยตรง ทั้งสองประเทศเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกันมานาน ภายใต้สนธิสัญญาร่วมป้องกันฉบับหนึ่ง ที่้มาตั้งแต่ปี 2495

ฟิลิปปินส์ก็เช่นเดียวกันกับเพื่อนบ้านในอนุภูมิาค รวมทั้งเวียดนาม มาเลเซีย และ บรูไน ที่ยังคงเผชิญกับ "การคุกคามจากจีน" ที่ประกาศฮุบทะเลจีนใต้เป็นของตนแต่ผู้เดียว ซึ่งกินไปถึงบริเวณ "ทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตก" ด้วย แต่นายดูเตอร์ตาเต ดำเนินนโยบายยืดหยุ่นกับจีนมากขึ้น.