รอยเตอร์ - นักข่าวพม่า 3 ราย ที่ถูกทหารควบคุมตัวในสถานที่ที่ไม่เปิดเผย จะถูกตั้งข้อหาตามพระราชบัญญัติสมัยอาณานิคมเกี่ยวกับสมาคมผิดกฎหมาย และอาจต้องเผชิญต่อโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี เจ้าหน้าที่ทหาร และรัฐบาลระบุ
ทหารได้จับกุมตัวนักข่าวที่ทำงานให้แก่สำนักข่าว Democratic Voice of Burma (DVB) และ Irrawaddy ในพื้นที่ของรัฐชาน เมื่อวันจันทร์ (26) หลังพวกเขาเข้าทำข่าวงานเผาทำลายยาเสพติดที่จัดขึ้นโดยกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA) กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ที่รัฐบาลระบุว่า เป็นกลุ่มองค์กรผิดกฎหมาย
การจับกุมดังกล่าวทำให้ชุมชนสื่อพม่าวิตกว่า เสรีภาพการแสดงความเห็นกำลังถูกจำกัดมากขึ้น นับตั้งแต่รัฐบาลของนางอองซานซูจี เข้าบริหารประเทศเมื่อเดือน เม.ย.2559
“ทุกคนควรได้รับการปฏิบัติตามกฎหมาย” ซอ เต โฆษกของนางอองซานซูจี กล่าว
ซอ เต ระบุว่า ทหารบอกว่ากำลังวางแผนที่จะตั้งข้อหานักข่าวตามพระราชบัญญัติสมาคมผิดกฎหมาย และจากข้อมูลของกองทัพ นักข่าว 3 คน และชายอีก 4 คน ที่ถูกจับกุมตัวพร้อมกันนั้นได้รับการปฏิบัติอย่างดีที่บ้านพักทหาร และจะส่งมอบตัวให้ตำรวจในเร็วๆ นี้
แม้รัฐบาลพม่าจะได้รับแรงกดดันจากหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชน และชาติตะวันตก แต่รัฐบาลซูจี ยังคงรักษากฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงที่มีมาแต่สมัยอาณานิคมไว้ ซึ่งผู้เฝ้าติดตามต่างตำหนิว่าเป็นการละเมิดเสรีภาพการแสดงความเห็น
ทางการพม่าใช้พระราชบัญญัติสมาคมผิดกฎหมายมาเป็นเวลายาวนานเพื่อจับกุม และคุมขังประชาชนในพม่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในพื้นที่ชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ และศาสนา ตามการระบุขององค์การนิรโทษกรรมสากล ที่เรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวนักข่าว
รัฐบาลชาติตะวันตกยังแสดงความวิตกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เช่นกัน
กระทรงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า รู้สึกวิตกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการจับกุมตัวนักข่าวทั้ง 3 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการจับกุมตัวนักข่าวรายอื่นๆ เมื่อไม่นานนี้
“เราเรียกร้องให้มีการดำเนินการในเรื่องนี้ตามมาตรฐานสากลของสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพสื่อ เสรีภาพสื่อเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของสันติภาพ และกระบวนการสร้างความปรองดองแห่งชาติ” โฆษกหญิงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว
บรรณาธิการจากต้นสังกัดของนักข่าว กล่าวว่า พวกเขาพยายามที่จะขอคำอธิบายจากทหาร และรัฐบาล แต่สูญเปล่า
“พวกเราต่างวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเราขาดการติดต่อกับผู้ที่ถูกควบคุมตัว ครอบครัวของพวกเขามีสิทธิที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาบ้าง” ตัน วิน ตุ๊ต บรรณาธิการจาก DVB กล่าว.