เอเอฟพี - การก่อจลาจลโรฮิงญาครั้งใหม่ในรัฐยะไข่ของพม่าเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับรัฐที่ประสบปัญหาแห่งนี้ ตามการระบุของผู้เชี่ยวชาญด้านความขัดแย้ง ที่เตือนว่า การปราบปรามของกองทัพเสี่ยงที่จะทำให้ความรุนแรง และความคิดต่างแบบสุดขั้วขยายตัวขึ้นในหมู่ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิม
กองกำลังทหารได้เข้าควบคุมพื้นที่ทางเหนือของรัฐตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. เมื่อกลุ่มกำลังติดอาวุธเข้าโจมตีด่านตามแนวชายแดนบังกลาเทศ และสังหารตำรวจไป 9 นาย ในการโจมตีหลายระลอก
ชาวโรฮิงญาอย่างน้อย 27,000 คน ได้หลบหนีเข้าไปในฝั่งบังกลาเทศ พร้อมกับเรื่องราวการสังหารหมู่ ข่มขืน และทรมาน โดยกองกำลังรักษาความมั่นคงที่กลายเป็นประเด็นกดดันต่อฝ่ายบริหารของนางอองซานซูจี
รัฐบาลพม่าปฏิเสธข้อกล่าวหาการละเมิดสิทธิ โดยระบุว่า ทหารกำลังตามล่าผู้ก่อการร้ายที่อยู่เบื้องหลังการโจมตี และอาวุธที่ถูกคนเหล่านี้ขโมยไป
กลุ่มวิกฤตการณ์นานาชาติ (International Crisis Group หรือ ICG) ระบุว่า ผู้โจมตีเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากซาอุดีอาระเบีย ชื่อว่า “ฮาราคาห์ อัล-ยาคิน” (Harakah al-Yakin) ที่ใช้เวลาหลายปีในการเกณฑ์กองกำลัง และฝึกฝนนักรบในบังกลาเทศ และรัฐยะไข่
กลุ่มนี้ก่อตัวขึ้นหลังเหตุความรุนแรงทางศาสนาในปี 2555 ตามการระบุของ ICG และมีเป้าหมายที่จะพัฒนาสิทธิทางการเมืองของชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮิงญา
แต่ ICG เตือนว่า การตอบโต้อย่างหนักของกองทัพพม่าเสี่ยงที่จะผลักดันสมาชิกของกลุ่มเข้าไปในอยู่ในมือของกลุ่มหัวรุนแรงต่างประเทศ
“การเกิดขึ้นของกลุ่มที่เห็นได้ชัดว่า มีทุนสนับสนุน และได้รับการจัดการอย่างดีเป็นตัวเปลี่ยนเกมในความพยายามของรัฐบาลพม่าที่จะจัดการต่อความท้าทายอันซับซ้อนในรัฐยะไข่” รายงานระบุ
“การตอบโต้ด้านความมั่นคงในตอนนี้ดูเหมือนจะผลักดันให้เกิดการโจมตีที่อันตราย การตอบโต้ทางทหาร และการเพิ่มขึ้นของความคิดต่างแบบสุดขั้ว”
ชาวโรฮิงญาหลายสิบคนถูกกองกำลังรักษาความมั่นคงสังหารในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และอีกหลายคนจมน้ำขณะพยายามข้ามแม่น้ำเข้าไปในบังกลาเทศ ที่เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงชายแดนของบังกลาเทศได้ผลักดันเรือผู้อพยพกว่า 60 ลำ ไม่ให้เข้ามาในเขตแดนในช่วงเดือนนี้
ICG ระบุว่า ผู้นำกลุ่มฮาราคาห์ อัล-ยาคิน คือ อะตา อัลลาห์ ชาวโรฮิงญาที่ปรากฏตัวในคลิปวิดีโอหลายชิ้นที่โพสต์ลงบนสื่อสังคมออนไลน์ เกิดในกรุงการาจี ปากีสถาน และเติบโตในซาอุดีอาระเบีย ได้รับการสนับสนุนจากชาวโรฮิงญา 20 คน ที่มีประสบการณ์การต่อสู้ในต่างประเทศ และรายงานระบุว่า อัลลาห์ ใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ฝึกรบแบบกองโจร และฝึกฝนเกี่ยวกับวัตถุระเบิด
ด้านสถานทูตซาอุดีอาระเบียในนครย่างกุ้งไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อรายงานชิ้นนี้
ไม่กี่วันหลังเหตุโจมตีด่านชายแดน พม่าได้กล่าวหาว่า นายฮาฟิซ โตฮาร์ ที่ได้รับการฝึกจากกลุ่มตอลิบาน ในปากีสถาน เป็นผู้นำการโจมตีดังกล่าว และรายงานของ ICG ระบุว่า ฮาฟิซ โตฮาร์ คือนามแฝงของอะตา อัลลาห์.