เอเอฟพี - นางอองซานซูจี ผู้นำโดยพฤตินัยของพม่า ให้คำมั่นวันนี้ (30) ว่า จะทำงานเพื่อ “ความสงบสุขและความปรองดองแห่งชาติ” ท่ามกลางเสียงตำหนิจากนานาประเทศถึงสถานการณ์การปราบปรามนองเลือดของทหารต่อชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮิงญา
เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพ ไม่ได้กล่าวถึงความรุนแรงในรัฐยะไข่ แต่กล่าวในเวทีการประชุมทางธุรกิจในสิงคโปร์ ว่า พม่าที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์จำเป็นที่จะต้องบรรลุความมีเสถียรภาพเพื่อดึงดูดการลงทุนให้มากยิ่งขึ้น
ซูจี เริ่มต้นเยือนสิงคโปร์ 3 วัน ประเทศที่เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในพม่ารองจากจีน ท่ามกลางแรงกดดันจากนานาประเทศที่เพิ่มสูงที่ต้องการให้รัฐบาลพม่าจัดการต่อวิกฤตโรฮิงญา
ชาวโรฮิงญาจำนวนมากหลั่งไหลอพยพข้ามแดนเข้าไปในฝั่งบังกลาเทศ พร้อมเปิดเผยเรื่องราวอันน่าตกใจเกี่ยวกับการข่มขืน ทรมาน และสังหาร ด้วยน้ำมือของกองกำลังรักษาความมั่นคง
พม่าปฏิเสธข้อกล่าวหาการล่วงละเมิดดังกล่าว โดยระบุว่า ทหารกำลังล่าตัวผู้ก่อการร้ายที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีด่านชายแดนตำรวจเมื่อเดือนก่อน
ประชาชนหลายพันคนยังได้หลบหนีเข้าไปในเขตแดนของจีนในเดือนนี้ หลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหาร และกลุ่มกบฏชาติพันธุ์ในรัฐชาน ทางภาคเหนือของประเทศ
“อย่างที่คุณทราบ เรามีความท้าทายอยู่มากมาย เราเป็นประเทศที่มาจากชุมชนชาติพันธุ์จำนวนมาก และเราต้องทำงานเพื่อที่จะบรรลุความมั่นคง และหลักนิติธรรม ที่พวกคุณในสิงคโปร์ภาคภูมิใจ” อองซานซูจี กล่าว
“ธุรกิจต่างๆ ไม่ต้องการที่จะลงทุนในประเทศที่ไม่มีความมั่นคง เราไม่ได้ต้องการความไม่มั่นคง แต่เรามีประวัติอันยาวนานของความแตกแยกในชาติของเรา ดังนั้น ความปรองดองแห่งชาติ และความสงบสุขเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้สำหรับเรา” ผู้นำพม่า กล่าว
การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติของพม่าต่อชาวโรฮิงญานั้นดุเดือดรุนแรงในมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ประเทศเพื่อนบ้านที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม
ซูจี มีกำหนดเดินทางเยือนอินโดนีเซีย ประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก หลังเสร็จสิ้นการเยือนสิงคโปร์ แต่ต้องเลื่อนกำหนดออกไปเนื่องจากการชุมนุมประท้วง และแผนวางระเบิดสถานทูตพม่าที่ถูกสกัดไว้ได้
รัฐมนตรีของมาเลเซีย ได้เรียกร้องให้มีการพิจารณาการเป็นสมาชิกในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของพม่า จากสิ่งที่รัฐมนตรีรายนี้ระบุว่า เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ขนาดใหญ่ในรัฐยะไข่ ขณะที่นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก จะเข้าร่วมการชุมนุมในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อประท้วงการปราบปรามชาวโรฮิงญา ตามการระบุของเจ้าหน้าที่สำนักนายกฯ เมื่อวันอังคาร (29) ส่วนหน่วยงานสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ก็ย้ำถึงข้อกล่าวอ้างที่ว่า ชนกลุ่มน้อยไร้สัญชาติเหล่านี้อาจเป็นเหยื่อของการก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ
จากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ คาดว่ามีประชาชนราว 30,000 คน ต้องหลบหนีออกจากบ้านเรือนของตนเอง และการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมโดยฮิวแมนไรท์วอช พบว่า สิ่งปลูกสร้างหลายร้อยหลังในหมู่บ้านของชาวโรฮิงญาถูกเผาวอด.