เอเอฟพี - อองซานซูจี ต้องเข้าไปป้องกันไม่ให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮิงญาในพม่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวในวันนี้ (4) พร้อมกับกล่าวเยาะเย้ยถึงรางวัลโนเบลกับการนิ่งเฉยของซูจี
นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก กล่าวต่อผู้คนมากกว่า 5,000 คน ที่รวมตัวชุมนุมในกรุงกัวลาลัมเปอร์ว่า รัฐบาลพม่าต้องหยุดการปราบปรามนองเลือดในพื้นที่ทางตะวันตกของประเทศ ที่ทำให้ชาวโรฮิงญาหลายพันคนต้องหลบหนี และอีกจำนวนมากที่เผยว่าถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การข่มขืน การทรมาน และฆาตกรรม
“ประโยชน์ของซูจีที่มีรางวัลโนเบลคืออะไร?” ผู้นำมาเลย์ตั้งคำถามต่อฝูงชน
“เราต้องการบอกอองซานซูจี พอคือพอ เราต้องปกป้องชาวมุสลิม และอิสลาม เราต้องการให้องค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ดำเนินการ ได้โปรดช่วยทำอะไรบ้าง สหประชาชาติช่วยทำอะไรบ้าง โลกไม่สามารถนั่งเฉย และดูการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้น” นาจิบ กล่าว
ชาวโรฮิงญามากกว่า 10,000 คน หลบหนีการปราบปรามทางทหารในรัฐยะไข่ เข้าไปบังกลาเทศในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามการระบุของสหประชาชาติ และผู้ที่เดินทางเข้าไปในบังกลาเทศ ได้เปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกองกำลังรักษาความมั่นคงพม่า ซึ่งรัฐบาลพม่าได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาการละเมิดเหล่านั้น
มาเลเซีย ได้วิพากษ์วิจารณ์การจัดการวิกฤตนี้ของพม่า ชาวมาเลเซีย และโรฮิงญาประมาณ 500 คน ออกมาชุมนุมประท้วงที่หน้าสถานทูตพม่าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ พร้อมประณามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ขณะที่รัฐมนตรีอาวุโสของมาเลเซียเรียกร้องให้อาเซียนทบทวนการเป็นสมาชิกของพม่า ขณะเดียวกัน ก็มีคำแถลงฉบับหนึ่งจากกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวหาพม่าว่า มีส่วนในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
แต่นักวิเคราะห์ระบุว่า ประเด็นโรฮิงญาเป็นสิ่งที่ช่วยอำพรางปัญหาของนาจิบ ที่กำลังต่อสู้กับข้อกล่าวหาเรื่องการมีส่วนในการทุจริตยักยอกเงินกองทุนโครงการ 1MDB
เจมส์ ชิน ผู้อำนวยการสถาบันเอเชีย มหาวิทยาลัยทาสมาเนีย กล่าวว่า นาจิบ เข้าร่วมการชุมนุมเพื่อหวังเสริมจุดยืนของตัวเองในฐานะผู้นำอิสลาม ขณะที่การเลือกตั้งกำลังใกล้จะมาถึง
“นาจิบกำลังมองหาอะไรก็ตามที่สามารถช่วยทำให้เขาดูดีขึ้น และปัญหาเรื่องโรฮิงญาก็เป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่ง” บริดเจ็ท เวลช์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองมาเลเซีย กล่าว
เวลช์ เสริมว่า หากรัฐบาลของนาจิบ เอาใจใส่ชาวโรฮิงญาจริง พวกเขาควรจะตรวจสอบการปฏิบัติของตนเองต่อชุมชนภายในมาเลเซีย.
.
.
.