MGRออนไลน์ -- ทางการแขวงอุดมไซกำลังเร่งติดตามค้นหายาฆ่าหญ้า กับสารเคมีมีพิษจำนวนหนึ่ง ที่บรรจุในถังและถูกน้ำป่า พัดพาจมหายไปในลำน้ำแบง อีกส่วนหนึ่งถูกโคลนตมถมทับ ทางการยอมรับเมื่อเกิดเหตุ จึงได้รู้ว่ามีการลักลอบนำสารพิษเข้าไปใช้ จึงเร่งออกเตือนประชาชน ให้ระวังน้ำดื่มน้ำใช้ จากแหล่งธรรมชาติต่างๆ และ หากพบเห็นปลาตายจำนวนมาก ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทางการไกล้ตัวโดยเร็วที่สุด
ฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.เป็นต้นมา ทำให้ระดับน้ำในน้ำแบงสูงขึ้น ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรตามสองฝั่งน้ำ ทั้งท่วมพื้นที่กสิกรรมของประชาชนใน 2 เขตเมือง คือ เมืองรุนกับเมืองแบง แขวงอุดมไซ ทำให้เกิดความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง แต่สิ่งที่น่าตกอกตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ภัยธรรมชาติได้ทำให้สารเคมีที่ใช้สำหรับฆ่าหญ้า กับยาปราบศัตรูพืชอีกจำนวนไม่น้อย มูลค่ากว่า 600 ล้านกีบ (กว่า 2.58 ล้านบาท) ของนักลงทุนปลูกกล้วยจากจีน หายไปจากคลังเก็บที่ถูกกระแสน้ำซัด และ โคลนตมถล่มลงถมทับแน่นหนา
"สารเคมีดังกล่าว เป็นสารที่มีอันตรายมาก ถ้าหากเกิดแตกหรือรั่วไหล ซึ่งจะทำให้ปลาตาย และ ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในเขตดังกล่าว..." หนังสือพิมพ์ลาวพัดทะนารายงาน
ปัจจุบันยังไม่พบมีปลาตายในพื้นที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียง แต่แผนกกสิกรรมและป่าไม้แขวง ได้รายงานอำนาจการปกครองแขวง และ ออกเตือนประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ให้ระวังในการใช้น้ำอุปโภคบริโภคจากห้วยหนอง ที่ไม่แน่ใจในเรื่องความสะอาดปลอดถัย และ หากพบเห็นปลาตาย ตามห้วยหนองต่างๆ ขอให้รีบแจ้งอำนาจการปกครอง หรือ เจ้าหน้าที่ทางการโดยเร็ว เพื่อลงตรวจตราหาทางแก้ไขอย่างทันท่วงที
หนังสือพิมพ์ของสมาคมนักข่าวแห่งชาติ รายงานในวันอังคารที่ 16 ส.ค.นี้ อ้างนายสมแก้ว มะนีวัน หัวหน้าแผนกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แขวงอุดมไซ ซึ่งระบุว่าระยะที่ผ่านมา ได้รับทราบแต่เพียงว่า ผู้ลงทุนปลูกกล้วยภายในแขวง ส่วนใหญ่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าได้เฉพาะปุ๋ยเท่านั้น เมื่อเกิดภัยธรรมชาติจึงได้รู้ว่า มีสารเคมีได้รับความเสียหายด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงทำให้ไม่เป็นที่แน่ชัดในขณะนี้ว่า เป็นสารเคมีชนิดใด มีอันตรายร้ายแรงในระดับไหน และ มีปริมาณทั้งหมดเท่าไร คาดว่าอีกราว 2 วันจะทราบรายละเอียดทั้งหมด หัวหน้าแผนกทรัพยากรธรรมชาติฯ แขวงอุดมไซ บอกหนังสือพิมพ์ของทางการ
หลายปีมานี้นักลงทุนจากจีน ได้เข้าลงทุนปลูกกล้วย ในหลายแขวงภาคเหนือของลาว ที่การคมนาคมขนส่งสะดวก ตั้งแต่หลวงน้ำทา บ่อแก้ว อุดมไซ ไปจนถึงแขวงหลวงพระบาง รวมเป็นเนื้อที่นับแสนไร่ เพื่อส่งผลผลิตกลับไปจำหน่าย ในมณฑลทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ กับมณฑลทางตอนกลางของจีน
เมื่อไม่นานมานี้รัฐบาลลาวได้ออกมาตรการไม่ออกใบอนุญาต ให้นักลงทุนจีนเข้าลงทุนปลูกกล้วยอีก ในขอบเขตทั่วประเทศ และ ที่ดำเนินการแล้วไม่อนุญาติให้ขยายเนื้อที่เพาะปลูกอีก หลังจากเกิดกรณีอื้อฉาวในแขวงบ่อแก้ว ที่มีสวนกล้วยของนักลงทุนจีนกว่า 60,000 ไร่ มีการลักลอบนำเข้าสารเคมีอันตรายหลายชนิด เข้าไปใช้ในกำจัดแมลงศัตรูพืช บางชนิดเป็นสารเร่งการเติบโต หรือ สารชุบย้อม เพื่อให้เปลือกกล้วยดูสวยงาม ชวนรับประทานเมื่อสุกเหลือง
ทางการแขวงบ่อแก้วแถลงเมื่อต้นปีนี้ว่า สารเคมีของนักลงทุนจีน ได้สร้างมลพิษต่อสภาพแวดล้อมอย่างหนัก และเป็นอันตายต่อสาธารณชนทั่วไป และ ได้เป็นแห่งแรกที่ได้ประกาศ ไม่อนุญาตให้ขยายและไม่ให้นักลงทุนจีนรายใหม่ เข้าลงทุนทำสวนกล้วยอีก
กรมอุตุนิยมและอุทกศาสตร์ในนครเวียงจันทน์ ได้ออกเตือนในวันอังคาร ให้แขวงภาคเหนือระวังฝนตกหนักในช่วง 3-4 วันข้างหน้า ตั้งแต่ผ่งสาลีทางเหนือสุด แขวงหัวพัน เชียงขวาง หลวงน้ำทา อุดมไซ บ่อแก้ว หลวงพระบาง ไซยะบูลี ไซสมบูน รวมทั้งแขวงเวียงจันทน์ ทั้งแจ้งเตือนให้ประชาชน ที่อาศัยตามริมฝั่งลำน้ำลำธาร ระวังน้ำท่วมสูง กับน้ำป่าไหลาก ดินถล่ม ให้อพยพสัตว์เลี้ยงกับของมีค่าต่างๆ ขึ้นสู่พื้นที่สูง
กรมอุตุนิยมฯ ยังเตือนให้แขวงต่างๆ ที่อยู่ใต้ลงไปบนริมฝั่งแม่น้ำโขง ตั้งแต่บอลิคำไซ คำม่วน รวมทั้งลำเซบั้งไฟ จนถึงแขวงสะหวันนะเขต เตรียมรับมือกับฝนตกระลอกใหม่ และ ระวังเหตุอุทกภัย ควรรีบป้องกันการสูญเสียแต่เนิ่น.
.
2