xs
xsm
sm
md
lg

“โอบามา” จ่อถกการค้า-สิทธิมนุษยชนในเวียดนาม ยังไม่ฟันธงยกเลิกห้ามค้าอาวุธ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033>เดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ขณะแถลงข่าวในกรุงฮานอย วันที่ 10 พ.ค. การเยือนเวียดนามของรัสเซลครั้งนี้เป็นการปูทางก่อนที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะเดินทางเยือนในช่วงปลายเดือน คาดว่าประเด็นด้านการค้า การรักษาความปลอดภัย และสิทธิมนุษยชนจะเป็นวาระสำคัญในการหารือ. -- Reuters/Kham.</font></b>

เอเอฟพี - การค้า การรักษาความปลอดภัย และสิทธิมนุษยชน จะเป็นวาระสำคัญเมื่อประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ เยือนเวียดนามในปลายเดือนนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเท ศระบุ พร้อมเสริมว่า ยังไม่มีการตัดสินใจเกี่ยวกับการยกเลิกการห้ามค้าอาวุธต่ออดีตศัตรูสงครามแต่อย่างใด

การเยือนครั้งนี้มีขึ้นเมื่อ โอบามา พยายามที่จะปิดผนึกยุทธศาสตร์ “ปักหมุดเอเชีย” ด้วยหวังที่จะเสริมอิทธิพลของวอชิงตันในภูมิภาค ที่การขยายอิทธิพลของจีนสร้างความกระวนกระวายใจให้แก่หลายประเทศ

แม้กำหนดวันเดินทางเยือนจะยังไม่มีการยืนยันจากทำเนียบขาวก็ตาม แต่มีการคาดการณ์กันว่า หัวใจสำคัญของการเยือนครั้งนี้ คือ การยกเลิกการห้ามค้าอาวุธต่อเวียดนามอย่างสมบูรณ์

วอชิงตัน ได้ยกเลิกข้อห้ามบางส่วนในการค้าอาวุธให้แก่เวียดนามในปี 2557 แต่ฮานอยมีความต้องการอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารที่ทันสมัย เป็นรางวัลสำหรับการเข้าร่วมข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ และด้วยการมองไปที่การเผชิญหน้าต่อการเสริมกำลังทางทหารของปักกิ่งของทะเลจีนใต้

แต่ เดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าววันนี้ (10) ว่า ยังไม่มีการตัดสินใจเกิดขึ้นในการยกเลิกข้อห้ามการค้าอาวุธ

“หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ยกเลิกการห้ามค้าอาวุธ คือ การดำเนินอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้มาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล และความคืบหน้าในการปฏิรูปกฎหมายสำคัญ” รัสเซล กล่าวระหว่างเยือนกรุงฮานอย เพื่อปูทางสำหรับการเยือนของประธานาธิบดี

เวียดนาม ยังคงปราบปรามอย่างไร้ความปรานีต่อผู้ชุมนุมประท้วง จำคุกผู้เห็นต่าง และห้ามตั้งสหภาพแรงงาน

เวียดนาม มีข้อขัดแย้งกับปักกิ่งเกี่ยวกับการควบคุมพื้นที่ในทะเลจีนใต้ ฮานอย กล่าวหาปักกิ่งเสริมกำลังทหารบนแนวปะการังที่เป็นข้อพิพาท และมีความต้องการอย่างมากที่จะเสริมกำลังทางทะเลเพื่อยับยั้งเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่รายนี้

น่านน้ำพิพาทดังกล่าวเป็นแหล่งประมงชั้นดี เป็นเส้นทางเดินเรือสินค้าระหว่างประเทศเส้นสำคัญ และเชื่อว่ามีแหล่งน้ำมัน และก๊าซปริมาณมหาศาล

วอชิงตัน มองว่า ทะเลจีนใต้เป็นเส้นทางการค้าสำคัญ และฝ่ายบริหารของโอบามามีสัมพันธภาพกับหลายประเทศที่แข่งขันอ้างสิทธิกับจีน เช่น เวียดนาม

ขณะที่สหรัฐฯ ยืนยันว่า ไม่ได้เลือกข้างความเป็นเจ้าของของน่านน้ำ แต่โอบามา กำลังเดินทางเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงเวลาสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

รัสเซลร ะบุว่า การค้าจะเป็นประเด็นสำคัญระหว่างการเยือนของโอบามา โดยมุ่งเน้นที่การดำเนินการข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) ระหว่างสหรัฐฯ และชาติเอเชียต่างๆ ที่เมื่อข้อตกลงได้รับสัตยาบันจากประเทศที่เข้าร่วมทั้ง 12 ประเทศแล้ว ข้อตกลงนี้จะปรับลดภาษี และอุปสรรคทางการค้าครอบคลุม 40% ของเศรษฐกิจโลก และจะเป็นข้อตกลงที่จะสร้างเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนาม และสหรัฐฯ พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยในปี 2543 บิล คลินตัน กลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เยือนอดีตศัตรูสงครามนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเวียดนามในปี 2518 ผู้คนหลายหมื่นต่างรวมตัวกันแน่นขนัดบนถนนในกรุงฮานอย เมื่อคลินตัน สัมผัสมือกับคนขายของ และกินอาหารท้องถิ่น ส่วน จอร์จ ดับเบิลยู บุช เยือนเวียดนามในการประชุมสุดยอดผู้นำระดับภูมิภาคในปี 2549.
กำลังโหลดความคิดเห็น