เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์วานนี้ (2 ก.พ.) ระบุการที่สหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดี บารัค โอบามา กับผู้นำสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) 10 ประเทศในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้าน “จีน” แต่อย่างใด
ประธานาธิบดี โอบามา ได้เชื้อเชิญผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ประเทศร่วมประชุมซัมมิตกันที่ “ซันนีแลนด์ส” รีสอร์ตหรูกลางทะเลทรายในรัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่างวันที่ 15-16 ก.พ.
“การประชุมซัมมิตครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจีน แต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียน” แดเนียล รัสเซลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออก ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพี รอยเตอร์ และเอเอฟพี
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับจีน และไม่ใช่การรวมกลุ่มต่อต้านจีนด้วย”
เป็นที่ทราบกันดีว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มุ่งกระชับความสัมพันธ์กับประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อคานอิทธิพลของมหาอำนาจในภูมิภาคอย่างปักกิ่ง
“นี่คือจุดสูงสุดของการที่สหรัฐฯ ได้ลงทุน และให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมานานกว่า 7 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาเซียน” รัสเซลล์ กล่าว
“มันแสดงให้เห็นว่า นโยบายปรับสมดุลของเราได้ดำเนินมาจนถึงจุดอยู่ตัว” รัสเซลล์ ระบุ โดยมีนัยยะถึงยุทธศาสตร์ปักหมุดเอเชีย (Pivot to Asia) ที่ โอบามา ได้ประกาศเอาไว้ตั้งแต่ปี 2009
หลายประเทศในอาเซียนต้องบาดหมางกับจีนเพราะการอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนเหนือน่านน้ำและหมู่เกาะปะการังในทะเลจีนใต้ ซึ่งเชื่อว่ามีทรัพยากรพลังงานมหาศาลซุกซ่อนอยู่ และแม้สหรัฐฯ จะอ้างว่าไม่เข้าข้างฝ่ายใด แต่ก็ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่ยอมให้เกิดการจำกัดเสรีภาพในการเดินเรือ
“ปัญหาท้าทายต่างๆ ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญ โดยเฉพาะข้อพิพาทเรื่องดินแดนและสิทธิเหนือน่านน้ำในทะเลจีนใต้ ไม่ใช่เกมแบบชนะกินรวบ (zero-sum game) และไม่ใช่สงครามตัวแทนระหว่างสหรัฐฯ กับจีน” รัสเซลล์ กล่าว
“ความท้าทายมันอยู่ที่ว่า ประเทศต่างๆ ในภูมิภาค และชาติที่อ้างกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะจีน จะยอมยึดถือกฎหมายสากลและหลักนิติธรรมเป็นที่ตั้งหรือไม่”
เขายืนยันว่า เอเชีย “ไม่ใช่สนามรบที่ชาติมหาอำนาจจะเข้ามาแข่งขันกัน”