เอเอฟพี - พรรคประชาชนปฏิวัติลาว ที่เป็นพรรคคอมมิวนิสต์ของประเทศได้เปิดการประชุมใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุก 5 ปี ในวันนี้ (18) งานสำคัญที่เป็นการพิจารณาตัดสินใจว่าใครจะขึ้นบริหารประเทศ และกำหนดลำดับความสำคัญทางเศรษฐกิจ
สื่อของทางการรายงานว่า คณะผู้แทน 684 คน ซึ่งเป็นผู้แทนของสมาชิกพรรคมากกว่า 200,000 คน จะเข้าร่วมการประชุมเป็นเวลา 5 วัน ในนครหลวงเวียงจันทน์
การประชุมใหญ่พรรคจะเลือกสมาชิกในคณะกรรมการกรมการเมือง หรือโปลิตบูโร และคณะกรรมการกลางพรรค คณะทำงานสำคัญที่มีหน้าที่ปกครองประเทศที่อุดมด้วยทรัพยากรแต่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
ในการเปิดการประชุม นายกรัฐมนตรีทองสิง ทำมะวง เน้นย้ำถึงการเติบโตของประเทศที่เห็นได้จากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยร้อยละ 7.4 พร้อมทั้งสรุปถึงวิสัยทัศน์ต่อการนำพาประเทศหลุดออกจากความยากจน โดยผู้นำลาวได้กล่าวต่อคณะผู้แทนว่า ความแตกต่างระหว่างเมือง และชนบทจะแคบลง ทรัพยากรมนุษย์จะได้รับการพัฒนา สิทธิพลเมืองจะได้รับความคุ้มครอง และสิ่งแวดล้อมจะได้รับการอนุรักษ์
ลาวเผชิญต่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ซึ่งหลายอย่างเป็นผลจากเขื่อนยักษ์ที่จีนสร้างขึ้น การทำเหมือง และการตัดไม้ทำลายป่าขนาดใหญ่
ลาวเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชากรวัยหนุ่มสาวขยายตัวเร็วที่สุดในโลก ด้วยประมาณ 70% ของประชากร 6.7 ล้านคน มีอายุต่ำกว่า 30 ปี
อย่างไรก็ตาม ผู้นำประเทศเกือบทั้งหมดมาจากยุคปฏิวัติ และอยู่ในช่วงวัย 70 ปี การประชุมใหญ่พรรคครั้งสุดท้ายที่จัดขึ้นในปี 2554 ได้เลือก จูมมะลี ไซยะสอน ให้ครองตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคต่อไปอีกสมัย
แต่จูมมะลี ที่ปัจจุบันอายุ 79 ปี เป็นที่คาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า จะเกษียณ และผู้สังเกตการณ์คาดว่า จะได้เห็นการแข่งขันทางการเมืองจากฝ่ายพันธมิตรของจูมมะลี และฝ่ายตรงข้าม
ผู้เชี่ยวชาญประเทศลาว กล่าวว่า บุนยัง วอละจิด รองประธานประเทศลาว มีแนวโน้มอย่างมากที่จะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากจูมมะลี และอาจปล่อยนายกรัฐมนตรีทองสิง ที่มักถูกมองว่าเป็นคู่แข่งของจูมมะลี อยู่ข้างสนาม
เจ้าหน้าที่ตะวันตกรายหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่า คนเก่ากำลังเสียอำนาจที่ถือครองบางส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในคณะกรรมการกลางที่อยู่ภายใต้โปลิตบูโร
“มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มทหารผ่านศึกปฏิวัติ และกลุ่มทหารรุ่นเด็กกว่า ที่หลายคนศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยในเวียดนาม หรือสหภาพโซเวียต ที่ทำให้มีความคิดเป็นสากลมากกว่า” เจ้าหน้าที่รายเดิม กล่าว
วอชิงตัน กำลังเพิ่มการมีส่วนร่วมกับลาวมากขึ้น ส่วนหนึ่งของนโยบายปักหมุดเอเชียของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งโอบามา มีกำหนดเดินทางเยือนลาวครั้งแรกในช่วงฤดูร้อน และจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กำลังวางแผนที่จะเยือนนครหลวงเวียงจันทน์ในเดือนนี้
แต่ประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนยังคงเป็นจุดติดขัดระหว่างสองชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การหายตัวไปของสมบัด สมพอน นักเคลื่อนไหวที่มีชื่อเสียง
ผู้ปกครองคอมมิวนิสต์ลาวจำกัดการเข้าถึงของสื่อต่างชาติอย่างหนัก สื่อตะวันตกไม่ได้รับอนุญาตให้สังเกตการณ์การประชุม แต่ผู้สื่อข่าวจากจีน และเวียดนามมักได้เข้าร่วม
ฝ่ายสื่อมวลชนต่างประเทศของลาวระบุว่า เนื่องจากมีเวลาไม่นานในการจัดเตรียมการประชุม ทำให้ไม่สามารถจัดเตรียมการทำข่าวการประชุมให้แก่สื่อต่างชาติได้.