MGRออนไลน์ -- พรรคประชาชนปฏิวัติลาวปิดการประชุมใหญ่ครั้งที่ 10 ลงในวันศุกร์นี้ พร้อมเลือกนายบุนยัง วอละจิต รองประธานประเทศคนปัจจุบันเป็นเลขาธิการใหญ่พรรค แทน พล.ท.จูมมาลี ไซยะสอน ที่วางมือจากอำนาจพร้อมผู้นำอาวุโสอีก 3 คนในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เปิดทางให้ผู้นำรุ่นใหม่ ที่มีการศึกษาดีและผ่านการปฏิบัติงานมานานหลายปีทั้งในพรรคและรัฐบาล นอกจากนั้นการเลือกตั้งกรรมการกรมการเมืองชุดใหม่ ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลำดับอาวุโส ไม่เป็นไปตามลำดับกรรมการศูนย์กลางพรรคก่อนหน้านี้ ซึ่งได้ทิ้งปริศนาเอาไว้มากมาย
นับเป็นเซอร์ไพรส์อย่างใหญ่หลวงก็คือ ในชั่วเวลาเพียงข้ามวัน มีกรรมการศูนย์กลางพรรคอาวุโสจำนวน 2 คน หลุดไปจากกรรมการกรมการเมือง คือ พล.ท.แสงนวน ไซยะลาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศ กับนายบุนปอน บุดตะนะวง อดีตคนสนิทของ พล.ท.จูมมะลี ที่ถูกมองเป็นดาวรุ่งทางการเมืองคนหนึ่ง
กรรมการศูนย์กลางพรรคชุดใหม่จำนวน 77 คน ที่ได้รับเลือกในวันพฤหัสบดีด้วยวิธีลงคะแนนอย่างเปิดเผย โดยผู้แทนที่เข้าร่วมประชุมทั้ง 685 ได้เปิดประชุมนัดแรกในวันศุกร์นี้ ตามประเพณีปฏิบัติของชาวคอมมิวนิสต์ และ เลือกกรรมการกรมการเมือง ซึ่งเป็นคณะบริหารงานสูงสุดของพรรคจำนวน 11 คน ซึ่งปรากฎว่าลำดับอาวุโสได้เปลี่ยนไป นายทองลุน สีสุลิด ที่เคยอยู่อันดับ 3 ได้ขึ้นสู่อันดับที่ 2 ในพรรค ขณะที่นางปานี ยาทอตู่ กรมการเมืองสตรีเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นประธานสภาแห่งชาติเลื่อนลงไปเป็นอันดับ 3
นี่คือสองผู้นำในชั้นบนสุดถัดจากเลขาธิการใหญ่พรรค ซึ่งต่างมีโอกาสที่จะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ประธานประเทศ และ ประธานสภาแห่งชาติ อันเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจล้นพ้นทางการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข ที่นางปานีเองนำสภาแห่งชาติชุดปัจจุบัน ลงมติผ่านออกมามีผลบังคับใช้ทันทีในเดือน ธ.ค.2558
กรมการกรมการเมืองที่พลิกโผขึ้นมาอย่างโดดเด่น ในชั้นบนสุดของพรรค ยังรวมทั้ง ดร.ไซสมพอน พรมวิหาน บุตรชายอดีตประธานไกสอน พมวิหาน ดร.สินละวง คุดไพทูน เจ้าครอง (ผู้ว่าราชการ) นครเวียงจันทน์ กับ ดร.สอนไซ สีพันดอน บุตรชายของอดีตผู้นำสูงสุดของพรรค พล.อ.คำไต สีพันดอน อดีตเลขาพรรคแขวงจำปาสัก ซึ่งปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีหัวหน้าสำนักงานรัฐบาล
ที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษก็คือ พล.ท.จันสะหมอน จันยาลาด ที่อยู่ในอันดับ 13 กรรมการศูนย์กลางพรรค ถูกเลือกขึ้นมารั้งอันดับ 8 ในกรมการเมืองแทน พล.ท.แสงนวน ที่เป็นผู้บังบัญชาโดยตรง และ ยังไม่ทราบอันดับอาวุโสในพรรค ของบุคคลหลังในขณะนี้
นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพรรคและกองทัพ ที่รัฐมนตรีกลาโหมคนหนึ่ง ที่ไม่ได้วางมือทางการเมือง ไม่ได้รับเลือกเป็นกรรมการกรมการเมือง ในระหว่างการประชุมใหญ่ของพรรคทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่า พล.ท.แสงนวน กำลังจะพ้นจากตำแหน่งหรือเกษียนจากตำแหน่งหน้าที่ทั้งหมด ทั้งในพรรคและรัฐบาลในอีกไม่นานนี้
การเลือกตั้งในวันศุกร์ยังทำให้ นายบุนปอน บุดตะนะวง อดีตหัวหน้าห้องว่าการเลขาธิการใหญ่พรรค พล.ท.จูมมะลี ซึ่งในปัจจุบันมีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลเศรษฐกิจจุลภาคของประเทศ ได้พ้นจากกรมการเมืองพรรคไปอีกคนอย่างน่าประหลาดใจเช่นกัน และ ไม่มีชื่ออยู่ในคณะกรรมการชุดใดของพรรค
เมื่อวันพฤหัสบดี ดร.บุนปอน อยู่ในอันดับ 5 กรรมการศูนย์กลางพรรคชุดที่ 10 โดยได้รับเลือกจากสมัชชาพรรค พร้อมกับคนอื่นๆ และ ยังไม่ทราบตำแหน่งกับอันดับใหม่ของ นายบุนปอนในขณะนี้ แต่การเปลี่ยนแปลงล่าสุด บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังจะพ้นจากตำแหน่งในรัฐบาลชุดใหม่
.
2
3
4
ลำดับในกรรมการกรมการเมือง หรือ ในกรรมการศูนย์กลางพรรค เป็นสิ่งบ่งบอกความอาวุโส และ "ความศักดิ์สิทธิ์" ของบุคคลและคณะบุคคล ที่จะไปดำรงตำแหน่งระดับสูงทั้งในระดับรัฐ และรัฐบาลในอนาคต กระบวนการเปลี่ยนตัวบุคคลดังกล่าว กำลังจะติดตามมาในเดือนข้างหน้า หลังจากการเลือกตั้งวันที่ 20 มี.ค.ปีนี้่ และ มีสภาแห่งชาติชุดใหม่
ในทางปฏิบัตินั้นกรรมการกรมการเมืองและกรรมการศูนย์กลางพรรคทุกคน จะเป็นตัวแทนของพรรค ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งต่างๆ ทั่วประเทศอีกด้วย
การสับเปลี่ยนอันดับอาวุโส ระหว่างนายทองลุนกับนางปานี ล้วนมีนัยสำคัญบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมีขึ้น และ ทำให้โจทก์แห่งอำนาจซับซ้อนยิ่งขึ้น บุคคลทั้งสองต่างมีโอกาส ที่จะขึ้นเป็นผู้นำรัฐบาลชุดใหม่ เป็นประมุขแห่งรัฐ หรือ ผู้นำฝ่ายยนิติบัญญัติ อันเป็น 3 ตำแหน่งสำคัญที่สุด ในระบอบคอมมิวนิสต์ ขณะที่กรมการเมืองที่มีอาวุโสถัดไป ต่างมีโอกาสที่จะได้เข้าดำรงตำแหน่งสำคัญ ทั้งในระดับหัวหน้าคณะกรรมการชุดต่างๆ ของพรรค และ ตำแหน่งบริหารระดับสูงในรัฐบาล
ย้อนหลังไปในช่วง 30 ปี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้ผ่านการใช้หลายสูตร ในการจัดสรรอำนาจระหว่างผู้นำระดับสูง มีหลายยุคที่เลขาธิการใหญ่พรรคกับประธานประเทศถูกแยกออกจากกัน เช่นในยุคแรกๆ ที่เจ้าสุพานุวงเป็นประธานประเทศ นายไกสอน พมวิหาน รั้งตำแหน่ง "ประธานพรรค" ในยุคนั้น พร้อมควบตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาล
ในยุค พล.อ.คำไต สีพันดอน ยังคงสืบทอดแบบอย่างของนายไกสอนในระยะแรก ก่อนจะส่งผ่านตำแหน่งผู้นำรัฐบาลให้แก่ผู้อื่น เหลือเพียงตำแหน่งผู้นำพรรคควบกับประมุขแห่งรัฐ เช่นเดียวกับในยุคที่เพิ่งจะผ่านมา ภายใต้การนำของ พล.ท.จูมมะลี
เพราะฉะนั้นในยุคของนายบุนยัง ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ รวมทั้งการดันนายทองลุนขึ้นเป็นประธานประเทศ นางปานีเป็นผู้นำองค์กรนิติบัญญัติต่ออีก 1 สมัย และ เลขาธิการใหญ่พรรค ควบตำแหน่งผู้นำรัฐบาล
.
5
6
ตามรายงานของสำนักข่าวสารปะเทดลาว กรรมการกรมการเมืองชุดใหม่ทั้ง 11 คน ที่ได้รับเลือกในวันศุกร์ มีดังต่อไปนี้คือ 1) นายบุนยัง วอละจิต 2) นายทองลุน สีสุลิด 3) นางปานี ยาทอตู่ 4) ดร.บุนทอง จิตมะนี หัวหน้ากรรมการตรวจตราพรรค 5) ดร. พันคำ วิพาวัน รมว.ศึกษาและกีฬา ผู้ชี้นำทางสังคมและวัฒนธรรม 6) นายจันสี โพสีคำ หัวหน้าคณะกรรมการจัดตั้งพรรค 7) ดร.ไซสมพอน พมวิหาน 8) พล.ท.จันสะหมอน จันยาลาด 9) ดร.คำพัน พมมะทัด รัฐมนตรี/หัวหน้าว่าการศูนย์กลางพรรค 10) ดร.สินละวง คุดไพทูน และ 11) ดร.สอนไซ สีพันดอน
อันดับ 3-7 ยังคงเดิมตามอันดับเดิมในกรรมการศูนย์กลางพรรค เพียงแต่เลื่อน ดร.พันคำ ขึ้นแทน ดร.บุนปอน ที่หลุดออกไป และ อันดับ 8-11 เป็นกรรมการ ที่ถูกเลื่อนข้ามอาวุโสขึ้นไป
ที่ประชุมกรรมการศูนย์กลางพรรคชุดที่ 10 นัดแรก ยังเลือกอีก 9 คน เป็นคณะเลขาธิการศูนย์กลางพรรค ดูแลงานบริหารประจำวันของพรรค ซึ่งได้แก่ 1) นายบุนยัง วอละจิต 2) นายบุนทอง จิตมะนี 3) นายพันคำ วิพาวัน 4) นายจันสี โพสีคำ 5) ดร.คำพัน พมมะทัด 6) พล.ท.แสงนวน ไซยะลาด 7) ศ.ดร.กิแก้ว ไขคำพิทูน หัวหน้ากรรมการโฆษณาอบรมศูนย์กลาง 8) พล.ต.สมแก้ว สีลาวง รมว.กระทรวงป้องกันความสงบ 9) พล.ต.วิไล หล้าคำฟอง หัวหน้ากรมใหญ่การเมือง กองทัพประชาชน
พร้อมกันนั้น ที่ประชุมยังได้เลือก ดร.พันคำ วิพาวัน เป็นผู้ประจำการคณะเลขาธิการศูนย์กลางพรรค ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้บริหารประจำวันของคณะกรรมการปฏิบัติการชุดนี้.