MGRออนไลน์ -- เรือพิฆาตกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น 2 ลำ พร้อมลูกเรือ 525 นาย เริ่มการเยือนอ่าวยุทธศาสตร์ของเวียดนามอย่างเป็นทางการ วันอังคาร 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเยือนปฐมฤกษ์โดยเรือรบชาติหนึ่ง หลังจากทางการคอมมิวนิสต์ได้เปิดอาณาบริเวณหนึ่งของฐานทัพเรือแห่งนี้ เป็นท่าเรือสากล ให้เรือรบและเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ทั่วไป เข้าไปใช้บริการได้
ตามรายงานของสื่อทางการ เรือรบของ "กองทัพเรือ" ญี่ปุ่นทั้งสองลำ ถึงน่านน้ำเวียดนามตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. กองทัพเรือประเทศเจ้าภาพ ส่งเรือดีงเตียนหว่าง (Dinh Tien Hoang, 110) ซึ่งเป็นเรือฟริเกตชั้นเกพาร์ด 3.9 (Gepard 3.9-Class) ที่ซื้อจากรัสเซียหนึ่งในสองลำในปัจจุบัน ออกต้อนรับ และ "นำร่อง" เรือญี่ปุ่นเข้าสู่บริเวณอ่าว
เรือรบญี่ปุ่นทั้งสองลำ ซึ่งได้แก่เรือเซโตกิริ (JDS Setogiri, DD-156) กับเรืออาริอาเกะ (JDS Ariake, DD-109) เข้าทอดสมอในอ่าวกามแรง ตั้งแต่ตอนเช้าวันอังคาร ซเวินเหวียดออนไลน์ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ภาษาเวียดนามรายงาน
การเยือนของเรือรบทั้งสองลำ เป็นไปตามพันธกรณีของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่จะเพิ่มการปรากฎตัวในทะเลจีนใต้ให้มากขึ้น เป็นการปฏิเสธการประกาศครอบครองทะเลเปิดแห่งนี้โดยทางการคอมมิวนิสต์จีน รวมทั้งเพื่อการรักษาเส้นทางเดินเรือเสรีของประชาคมระหว่างประเทศ และ การส่งเรือฟริเกตที่ทันสมัยที่สุดออกต้อนรับ ยังเป็นการแสดงสัญลักษณ์ถึงความสัมพันธ์ร่วมมือที่แน่นแฟ้น ทางด้านกลาโหมระหว่างสองประเทศ
ทั้งญี่ปุ่นและเวียดนาม ต่างเป็นคู่กรณีกับจีน ในทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ (หรือ "ทะเลตะวันออก" ตามที่เวียดนามเรียก) โดยจีนกล่าวอ้างสิทธิ์เหนือเกาะเซ็นกากุ (Senkaku) หรือ "เกาะเตี่ยว-อวี้" (Diayu) ตามที่ฝ่ายจีนเรียก ที่ญี่ปุ่นครอบครองมาตั้งแต่ยุคสงครามโลก ส่วนเวียดนามกำลังเผชิญหน้ากับจีน กรณีหมู่เกาะพาราเซล และ หมู่เกาะสแปร็ตลีย์ ที่อยู่ใต้ลงไป และ ยังมีอีก 4 ประเทศกับดินแดน ที่กล่าวอ้างสิทธิ์เหนือส่วนใดส่วนหนึ่งในหมู่เกาะนี้ ซึ่งได้แก่ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บรูไน และ จีนไต้หวัน
.
2
2
ไม่กี่ปีมานี้มีเรือของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น ไปเยือนเวียดนามมาแล้วหลายครั้ง แต่เป็นครั้งแรกที่เวียดนามเปิด บริเวณฐานทัพใหญ่ต้อนรับแขกญี่ปุ่น ซึ่งเสริมขยายแสนยานุภาพทางการทหารอย่างมากมาย และเข้ามีบทบาทในภูมิภาคนี้มากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เกิดการเผชิญหน้ากับจีน
เวียดนามได้เปิดใช้อาณาบริเวณส่วนหนึ่งของอ่าวกามแรงเป็นเขตท่าเรือสากล ที่สามารถรองรับเรือขนาดใหญ่ถึง 100,000 ตันได้ เพื่อให้เข้าไปใช้บริการด้านต่างๆ ได้ ซึ่งหมายความว่าเรือบรรทุกน้ำมันดิบขนาดใหญ่ (Super Tanker) กับ เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุด ของกองทัพเรือสหรัฐในปัจจุบัน สามารถเข้าจอดเทียบท่าที่นั่นได้
ตามข้อมูลของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล เรือเซโตกิริ เป็นลำที่ 6 ในบรรดาเรือพิฆาตชั้นอาซากิริ (Asagiri-Class) ขนาด 4,900 ตันจำนวน 8 ลำ ที่ขึ้นระวางประจำการ ระหว่างปี 2529-2534 เรือชั้นนี้ต่อโดยกลุ่มอุตสาหกรรมใหญ่ในญี่ปุ่นหลายกลุ่ม เป็นเรือติดจรวดนำวิถี ทำภารกิจทั้งสงครามใต้น้ำ-ผิวน้ำ รวมทั้งติดระบบจรวดต่อสู้อากาศยาน ทั้งที่ผลิตเองและผลิตในสหรัฐ มีเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำประจำบนเรือ 1 ลำ
สำหรับเรือเซโตกิริ ต่อโดยกลุ่มฮิตาชิเซนโซ (Hitachi Zenso Corp) เข้าประจำการเมื่อปี 2534 หรือ เมื่อ 25 ปีที่แล้ว มีลูกเรือประจำ 250 คน ปัจจุบันญี่ปุ่นได้ต่อเรือพิฆาตออกมาอีก 2 รุ่่นด้วยกัน รวมทั้งเรืออาริอาเกะ ที่ไปเยือนเวียดนามด้วยกันในครั้งนี้
เรืออาริอาเกะ เป็นเรือพิฆาตชั้นมุราซาเมะ (Murasame-Class) ติดจรวดนำวิถี ขนาด 6,100 ตันที่ใหญ่กว่า ใหม่กว่า ปฏิบัติการได้ไกลกว่า และ ทันสมัยยิ่งกว่าทั้งระบบเรดาร์ ระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ รวมทั้งระบบอาวุธ
.
2
อาริอาเกะเข้าประจำการเมื่อปี 2545 เป็นลำล่าสุด ใหม่ที่สุดในบรรดาเรือชั้นเดียวกันทั้งหมด 9 ลำ ติดระบบจรวดนำวิถียิงเรือแบบ 90SSM (Type 90 Ship-to-Ship Missile) ที่ยิงได้ไกล 150 กิโลเมตร ผลิตโดยกลุ่มมิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสตรี ระบบจรวดยิงเรือดำน้ำ RUM-139VL ซึ่งอยู่ในกลุ่มจรวด ASROC ผลิตโดยบริษัทล็อกฮีดมาร์ติน แห่งสหรัฐ และ ระบบจรวดต่อสู้อากาศยานแบบอิโวลว์ซีสแปโรว์ (ESSM- Evolved SeaSparrow Missile) แบบีดัยวกับที่ติดตั้งบนเรือชุดเรือหลวงนเรศวร-เรือหลวงตากสิน ของราชนาวีไทย
และเช่นเดียวกันกับเรือพิฆาตชั้นอื่นๆ เรืออาริอาเกะ ยังติดตั้งปืนใหญ่เรือโอโตเมลารา (OTO Melara) ปืนยิงเร็วขนาด 76/62 มม. 1 กระบอก ระบบปืนกลยิงเร็วระยะประชิด (CIWS) ขนาด 20 มม. "ฟาลังซ์" (Phalanx) อีก 2 ชุด ระบบตอร์ปิโดที่ประกอบด้วยท่อยิง ทั้งหมด 16 ท่อ
สื่อทางการเวียดนามกล่าวว่า เรือพิฆาตญี่ปุ่นทั้ง 2 ลำ จะอยู่เยือนอ่าวกามแรง จนถึงวันที่ 15 เม.ย.นี้ ระหว่างนี้จะมีการแลกเปลี่ยนกิจกรรมกับฝ่ายเจ้าภาพ รวมทั้งการร่วมฝึกซ้อมเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนั้นเรือทั้งสองลำ "จะเติมเชื้อเพลิง อาหารและเสบียงอื่นๆ" ด้วย.