MGRออนไลน์ -- 14 ก.พ. "วันแห่งความรัก" มีความหมายสำคัญสำหรับคนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหนุ่มสาวที่กำลังตกอยู่ในภวงค์รัก พวกเขามักจะแสดงออกความรู้สึกผ่านดอกกุหลาบสีแดง หรือ การมอบขนมหวาน ช็อกโกแลต หรือ สิ่งสวยๆ งามๆ รวมทั้งการ์ดอวยพรแสนสวย แต่ในกรุงฮานอยกิจกรรมแบบนั้นเก่าไปแล้ว หนุ่มสาวจำนวนมาก หันไปแสดงออกซึ่งความรัก ด้วยกิจกรรมอยู่ร่วมกันในห้องพักโรงแรม ในคืนแห่งความรัก แต่ปิดไฟมืด
เพราะฉะนั้น 14 ก.พ.ของทุกปี เกสต์เฮ้าส์ รีสอร์ต รวมทั้งโรงแรมจิ้งหรีด ไปจนถึงระดับ 1-3 ดาว จึงถูกจองล่วงหน้าเต็มไปหมด ปีนี้โรงแรมที่เป็นธุรกิจของครอบครัวหลายแห่ง ในย่านสะพานเจืองเดื่อง สะพานลองเบียน ซึ่งเป็นย่านรอบนอกของเมืองหลวง ย่านถนนเหวียนจี๋แทง ย่านเคืองดี่ง-กิมซยาง บอกว่าพวกเขาต้องกำชับให้แขก ที่ไปใช้บริการประเภทชั่วคราว ช่วยรักษาเวลาคือ 2 ชั่วโมง เนื่องจากมีผู้เข้าคิวกันยาวเหยียด
ร้านขายยาในย่านเดียวกันล้วนแต่บอกว่า ถุงยางอนามัยกับยาคุมกำเนิดขายดีเป็นพิเศษในวันนี้ ผู้ซื้อจำนวนมากยังเป็นนักศึกษาอยู่ เป็นนักเรียนก็ยังมี แต่ก็ต้องยอมขายให้ เพราะมันช่วยป้องกันได้ ทั้งโรคติดต่อทางเพศ และ ป้องกันการตั้งครรภ์ ซึ่งจะทำให้สูญเสียอนาคต และ ร้านขายยาไม่มีหน้าที่ไปอบรมสั่งสอนใคร
ตามรายงานของ "เหงือยเดือติน" หนังสือพิมพ์ออนไลน์ยอดนิยมภาษาเวียดนาม ถึงแม้ว่าการฉลองเทศกาลวาเลนไทน์ในประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้ เพิ่งจะเริ่มมาไม่กี่ปีก็ตาม แต่หนุ่มสาวชาวฮานอยพัฒนาไปเร็วมากและไปไกลมาก ซึ่งทำให้ธุรกิจบริการที่เกี่ยวกับวาเลนไทน์ฟู่ฟ่าไปกับเทศกาลด้วย
นายโด๋ดึ๊กแอง เจ้าของเชนโรงแรมขนาดเล็กหลายแห่งในย่านเคืองดี่ง บอกเหงือยเดือนตินเมื่อตอนกลางวันว่า "คืนวาเลนไทน์" ปีนี้คงจะไม่ต่างกับปีที่แล้ว สมาชิกครอบครัวทุกคนต้องออกไปช่วยกันจัดการดูแลการบริการอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพนักงานจะต้องทำงานหนักมาก ต้องทำความสะอาดห้องอย่างรวดเร็จ เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าหุ่มชุดใหม่ ล้างห้องน้ำ และ สุขภัณฑ์ ให้แก่แขกที่ เข้าๆ ออกๆ ตลอดทั้งคืน
"มีคนจองล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก หลายคนเป็นลูกค้าเก่า.." นายดึ๊กแองกล่าว
เนื่องจากวาเลนไทน์ปีนี้มาพร้อมกับเทศกาลตรุษ ซึ่งค่าบริการต่างๆ แพงขึ้นตามปรกติอยู่แล้ว ก็ย่อมทำให้หนุ่มสาวต้องจ่ายมากขึ้น รวมทั้งค่าห้องพักด้วย
ผู้สื่อข่าวของเหงือยเดือติน ที่ออกตระเวนสำรวจรายงานว่า ค่าห้องพักโรงแรมและเกสต์เฮ้าส์ในฮานอย ช่วงเทศกาลตรุษปีนี้แพงขึ้นจากปรกติ 40-100% หรือกว่านั้นก็มี ในคืนสุกดิบวาเลนไทน์ค่าห้องก็ยิ่งแพงขึ้นไปอีก เช่นโรงแรมในย่านเคืองดิ่ง-กิมซยาง ปรกติชั่วคราว 60,000 ด่ง (ราว 170 บาท) ต่อ 2 ชั่วโมง อัตราดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งละ 100,000-200,000 ด่ง (280-560 บาท)
แขกที่ไปใช้บริการห้องพักโรงแรมมีทุกอาชีพ ทุกช่วงอายุ แต่มากที่สุดคือคนหนุ่มสาว แต่ทั้งนายดึ๊กแอง และ เจ้าของกิจการคนอื่นๆ ในย่านนี้ ต่างยืนยันว่าจะไม่ให้เยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียน เข้าไปใช้บริการโรงแรมเพื่อมีเพศสัมพันธ์กันอย่างเด็ดขาด ซึ่งเรื่องนี้ต้องระวังมากที่สุด เพราะว่าหากทางการตรวจพบเข้า ก็จะถูกลงโทษหนักมากถึงขั้นถูกยกเลิกใบอนุญาตเลยทีเดียว
.
2
3
ร้านขายยาต่างก็ยืนยันว่า วันวาเลนไทน์ถุงยางอนามัยขายดีเป็นพิเศษ ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะไม่เพียงแต่จะมีลูกค้าไปซื้อตรงด้วยตนเอง เจ้าของโรงแรมแห่งต่างๆ ก็จัดหาล่วงหน้าเผื่อเหลือเผื่อขาดสำหรับลูกค้าอีกด้วย เจ้าของกิจการหลายแห่งกล่าวว่า ได้กำชับให้พนักงานดูแลห้องพัก จัดเตรียมถุงยางอนามัยให้พร้อม โดยส่วนใหญ่เก็บไว้่ใต้หมอน เป็น "ของฝาก" ที่รู้ใจสำหรับแขก
เจ้าของโรงแรมบางแห่งกล่าวว่า จัดไว้ให้ในลิ้นชักโต๊ะ หรือ ในตู้ข้างเตียงนอนหรือ วางไว้บนฟูกตรงๆ ให้เห็นชัดเจน เป็นถุงยางอนามัยที่มีคุณภาพดี ช่วยแขกป้องกันอย่างเต็มที่
ร้านขายยาเองก็บอกว่า ปัจจุบันถุงยางอนามัยทั่วไปคุณภาพแย่ลงมาก ทำให้ยี่ห้อต่างประเทศขายดีกว่า ถึงแม้ว่าจะมีราคาแพงกว่า แต่ลูกค้ามักถามหาเป็นอันดับแรก ทั้งนี้เนื่องจากเหนียวหนึบกว่า และยังบางกว่าอีกด้วย
นายหว่างมีง เภสัชกรร้านขายยาแห่งหนึ่งบอกผู้สื่อข่าวเหงือยเดือนตินว่า บ่อยครั้งรู้สึกผิดเหมือนกันที่ขายยาคุมกำเนิดให้แก่คู่หนุ่มสาวที่ยังเป็นนักศึกษา หลายคนยังสวมยูนิฟอร์มอยู่ และ มีหลายคู่ที่ถามหา "ชนิดที่ช่วยป้องกันได้อย่างเร่งด่วน" ซึ่งถ้าหากไม่จำหน่ายให้ ก็เท่ากับว่า มีส่วนให้เกิดปัญหาสังคมตามมาอีกคือ "มารหัวขน" หรือ การแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพศ
นายมีงกล่าวอีกว่า เมื่อราวๆ เที่ยงวัน หรือ เวลาพักเที่ยงมีนักเรียนที่ยังสวมเครื่องแบบอยู่ ซึ่งดูไม่น่าจะเกินชั้นมัธยมปีที่ 3 เข้าไปเมียงมอง ทำท่าอายๆ แต่ในที่สุดก็ถามหาถุงยางอนามัย ทีแรกเข้าใจว่าคงจะซื้อให้พี่ชาย หรือ มีผู้ใหญ่วานไปซื้อให้ แต่คุยกันไปสักพัก ก็จับใจความได้ว่า คืนนี้อาจจะได้ใช้จึงหาเพื่อป้องกันไว้ก่อน
"ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมวาเลนไทน์จึงซึมลึกได้ขนาดนี้ ในสังคมบ้านเรา" เภสัชกรคนเดียวกันกล่าว.