เอเอฟพี - จอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ร่วมหารือผู้นำลาวในวันนี้ (25) เกี่ยวกับกับระเบิดของอเมริกาที่ตกค้างในประเทศ และอิทธิพลของจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การเดินทางเยือนนครหลวงเวียงจันทน์ครั้งนี้ยังเป็นการปูทางไปสู่การประชุมสุดยอดที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เป็นเจ้าภาพในแคลิฟอร์เนียเดือนหน้า ร่วมกับ 10 ผู้นำชาติสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
ลาว ได้รับมอบตำแหน่งประธานกลุ่มหมุนเวียนในปีนี้ ที่จะได้เห็นกิจกรรมทางการทูตเกิดขึ้นอย่างมากมายตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ประธานาธิบดีโอบามา จะเดินทางเยือนลาว ครั้งแรกที่ผู้นำสหรัฐฯ ที่อยู่ในตำแหน่งเยือนประเทศยากจนแต่อุดมด้วยทรัพยากรแห่งนี้
การเยือนของแคร์รี่ ถือเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่ปี 2498 ที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยือนประเทศที่อเมริกาทิ้งระเบิดแบบปูพรมในช่วงสงครามเวียดนาม
นายกรัฐมนตรีทองสิง ทำมะวง ที่ให้การต้อนรับ กล่าวว่า การเยือนครั้งนี้เป็นเครื่องหมายสำคัญในความสัมพันธ์ทวิภาคี
แคร์รี่ ที่เพิ่งเดินทางมาจากซาอุดีอาระเบีย ได้กล่าวชื่นชมยกย่องเศรษฐกิจที่ขยายตัวเติบโตและความสัมพันธ์ด้านความมั่นคง รวมทั้งการเป็นประธานอาเซียนของลาว โดยระบุว่า เป็นมิตรภาพใหม่
นักการทูตสหรัฐฯ ผู้นี้ ที่มีกำหนดเดินทางต่อไปยังกัมพูชาในช่วงเย็นของวัน (25) ได้เดินทางถึงลาวไม่กี่วันหลังการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์ลาวเสร็จสิ้น ที่มีมติเลือก บุนยัง วอละจิต รองประธานประเทศเป็นผู้นำคนใหม่
พรรคคอมมิวนิสต์ปกครองลาวมาตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเวียดนามในปี 2518 โดยควบคุมประเทศที่มีประชากรราว 6 ล้านคนอย่างเข้มงวด
ระเบิดที่ยังไม่ระเบิดซึ่งกระจายอยู่ทั่วภูมิภาคเป็นผลของการทิ้งระเบิดปูพรมของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายจะขัดขวางเส้นทางส่งเสบียงของเวียดนามเหนือผ่านลาว เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยอมรับว่า สิ่งนี้เป็นปัญหาที่เป็นผลจากการกระทำของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนามในยุค 70
การกระทำเหล่านั้นได้เปลี่ยนลาวให้กลายเป็นดินแดนที่ถูกทิ้งระเบิดมาที่สุดในโลก ด้วยจำนวนมากกว่า 250 ล้านลูก และประมาณ 30% ของระเบิดที่ถูกทิ้งลงมายังไม่ระเบิด รวมทั้งระเบิดแบบลูกหว่าน (Cluster Bombs) ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากวัตถุระเบิดที่ตกค้างเหล่านี้แล้วราว 50,000 คน และอีกหลายหมื่นคนต้องกลายเป็นผู้พิการ
ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศไม่ราบรื่นนัก จากการสนับสนุนของอเมริกาต่อเหตุความไม่สงบต่อต้านคอมมิวนิสต์ชาวม้งที่ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของผู้นำลาว ส่วนรายงานด้านสิทธิมนุษยชนของลาวก็เป็นอีกข้อติดขัดในความสัมพันธ์ จากการหายตัวไปของ สมบัด สมพอน นักเคลื่อนไหวที่มีชื่อเสียงในปี 2555
การเยือนของแคร์รี่ มีขึ้นเมื่อสหรัฐฯ เพิ่มการมีส่วนร่วมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่จีนมีอิทธิพลสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศขนาดเล็ก
“ลาวเป็นประเทศที่เหมือนกัมพูชา ที่จีนมีบทบาทโดดเด่นทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ และการเมือง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ลาวได้แสดงความสนใจอย่างมากที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีมานี้” เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว
ฝ่ายบริหารของโอบามา ได้ยกความสัมพันธ์กับเอเชียเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนอาเซียน เพื่อถ่วงดุลอำนาจจีน
ชาติสมาชิกอาเซียนส่วนหนึ่งมีส่วนในความขัดแย้งกับจีนเกี่ยวกับดินแดนพิพาทในทะเลจีนใต้ และแม้สหรัฐฯ ที่ระบุว่า ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ใดๆ เหนือแนวปะการัง และเกาะเล็กๆ ที่อยู่ในข้อพิพาท แต่ยืนกรานถึงเสรีภาพการเดินเรือในเส้นทางขนส่งสินค้าสำคัญที่ต้องรักษาไว้.