MGRออนไลน์ -- ตำรวจเวียดนามได้จับกุมชายหนุ่มคนหนึ่งวันอังคารที่ผ่านมา ฐานเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ อันเนื่องมาจากภาพๆ หนึ่ง ที่เจ้าตัวนำขึ้นโพสต์ในโลกออนไลน์ พร้อมข่าวสารที่ระบุว่า เป็นนางเงือกที่ติดอวนชาวประมง ใน จ.กว๋างนีง ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ และ ยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้จะมีคนขอซื้อถึง 1 ล้านดอลลาร์ แต่ชาวประมงไม่ยอมขาย
นายฝ่ามดั๊กเหิ่ว (Pham Dac Hau) วัย 27 ปี ราษฎรชาว จ.กว๋างนีง ได้นำภาพถ่ายที่แต่งเติม แสดงให้เห็นหญิงสาวหน้าตาดี ท่อนล่างเป็นปลามีเกล็ดและมีหาง นอนอยู่ภายในอวนลากสีเขียวของชาวประมงบนหาดทรายแห่งหนึ่ง นายเหิ่วเผยแพร่ภาพนี้ในเฟซบุ๊กของตน โดยบรรยายว่าชาวประมงลากขึ้นมาจากทะเลจีนใต้ และ มีชาวญี่ปุ่นที่ร่ำรวยขอซื้อ แต่เจ้าตัวไม่ตกลง
นายเหิ่วเขียนต่อไปอีกว่า เงือกสาวแสนสวยน้ำหนักราว 48 กิโลกรัม ถูกนำส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.กว๋างนีง โดยคณะแพทย์ ดูแลรักษา เนื่องจากเงือกมีอาการอ่อนเพลีย ขณะรอส่งตัวไปตรวจสอบและศึกษา โดยผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐ
ทั้งภาพและข่าวเกี่ยวกับนางเงือก ถูกนำออกเผยแพร่ต่อในเว็บไซต์อีกแห่งหนึ่ง ในวันที่ 18 ธ.ค. ภายในชั่วเวลาข้ามวัน ก็มีราษฎรชาวเน็ตเวียดนามอีกหลายหมื่นคน นำไปเผยแพร่ต่อ กลายเป็นเรื่องโจษจันในสังคม และดูเหมือนว่า มีชาวเวียดนามจำนวนไม่น้อยเชื่อ เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของนางเงือกในตำนาน
ตำรวจ จ.กว๋างนีง บอกกับเตื่อยแจ๋ออนไลน์ว่า เจ้าหน้าที่ใช้เวลาค่อนข้างมาก พลิกกฎหมายเพื่อตั้งข้อกล่าวหานายเหิ่วอย่างเหมาะสม และ ในที่สุดก็ได้ตัดสินใจเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 5 ล้านด่ง หรือ ประมาณ 225 ดอลลาร์ ฐานเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ อันเป็นความผิดตามกฎกระทรวงฉบับหนึ่ง ที่ออกโดยกระทรวงโทรคมนาคมและสารสนเทศ
.
2
นายเหิ่วเป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Quangnamonline.Com.Vn ที่เขาใช้เป็นเวทีในการเผยแพร่ภาพและข่าวนางเงือก ต่อจากเฟซบุ๊ก เจ้าตัวให้การกับเจ้าพนักงานสอบสวนว่า ได้ความคิดนี้จากภาพชุดวิวาห์ชุดหนึ่ง ที่พบในโลกออนไลน์ จึงได้เติมสีสันลงไป ทำให้ภาพเจ้าสาวกลายเป็นเงือกสาวแสนสวย โดยคิดทำสนุกๆ เท่านั้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทรวงความมั่นคงภายในเวียดนาม ได้จับกุมนายเหิ่วเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. และ ใช้เวลานานกว่า 2 สัปดาห์ พิจารณาตั้งข้อกล่าวหา ปัจจุบันเว็บไซต์ดังกล่าวโดยปิดไปโดยปริยาย
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก หากเมื่อสองปีที่แล้วก็เคยมีการเผยแพร่ภาพ และ ข่าวเกี่ยวกับ "เงือกสาวผมทอง" จากทะเลจีนใต้กันอย่างกว้างขวาง และ มีคนเชื่อกันเป็นตุเป็นตะ แต่ทว่าครั้งนั้น ไม่มีผูใดถูกปรับในเวียดนาม เนื่องจากเป็นภาพและข่าวจากยูทิวบ์ เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ในฟิลิปปินส์.