ซินหวา/เดิ๊ตเหวียด -- กองทัพเรือรัสเซีย ส่งเรือ 3 ลำ จากกองเรือแปซิฟิกเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือเตี่ยนซา ในนครด่าหนัง ทางภาคกลางของเวียดนามวันพุธ (6 ม.ค.) ที่ผ่านมา เพื่อเริ่มการเยือนกระชับสัมพันธ์เวียดนามเป็นเวลา 4 วัน
เรือรัสเซียที่เข้าเทียบท่าที่เวียดนาม ประกอบด้วย เรือบรรทุกน้ำมัน เรือช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเรือพิฆาตบีสตรี (Bystryy) ในการเยือนที่มีเป้าหมายส่งเสริมความร่วมมือด้านการป้องกันระหว่างเวียดนาม และรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างกองทัพเรือของ 2 ประเทศ เว็บไซต์กระทรวงกลาโหมเวียดนามระบุ
ในระหว่างการเยือนนครด่าหนัง ลูกเรือและเจ้าหน้าที่ของกองทัพเรือรัสเซีย 450 นาย มีกำหนดเข้าเยี่ยมคำนับ กองบัญชาการทหารภาค 5 กองทัพเรือภาค 3 และ คณะกรรมการประชาชนนครด่าหนัง รวมทั้งร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนทางกีฬากับกองทัพเรือภาค 3 และเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆ ในภาคกลางของประเทศ
ตามรายงานของสื่อออนไลน์เวียดนาม เรือบีสตรี (715) เป็นเรือชั้นซอฟเรเมนนี (Sovremennyy-Class) ขนาด 7,900 ตัน ขึ้นระวางประจำการเดือน ก.ย.2532 เป็นเรือติดจรวดนำวิถียิงเรือแบบ P-270 "มอสคิท" (Moskit) หรือ จรวด 2M80 ในสารระบบของโซเวียต/รัสเซีย หรือ "จรวดซันเบิร์น" (Sunburn) SS-N-22 ในระบบกลุ่มนาโต้ ซึ่งมีความเร็วระดับซูเปอร์โซนิก ยากในการตรวจจับ และ มีความแม่นยำสูง
จรวดมอสคิทมีน้ำหนักเกือบ 4.5 ตัน ยาวเกือบ 10 เมตร ติดหัวรบแบบเจาะเกราะหนัก 300 กก. ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แบบแรมเจ็ท ทำความเร็วสูงสุดได้ถึงมัค 2.5 ยิง ในระยะปฏิบัติการตั้งแต่ 10 จนถึง 100-120 กิโลเมตร ถึงเป้าหมายรวดเร็ว ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเตรียมการตอบโต้ได้ยาก
เมื่อเข้าสู่เป้าหมายในระยะไกล้ ระบบปืนกลยิงเร็วอัตโนมัติบนเรือฝ่ายจรงข้ามมักยิงพลาดเป้า และ ยังยากต่อการยิงทำลายด้วยจรวดต่อสู้อากาศยานทั่วไป เนื่องจากความเร็วปลาย (Terminal Velocity) ที่สูงมาก และ "ร่อน" สูงจากผิวน้ำเพียง 20 เมตร
เรือบีสตรี ติดท่อยิงจรวดมอสคิทจำนวน 8 ท่อ ที่บริเวณกราบเรือทั้งสองข้าง นอกจากนั้นยังติดตั้งระบบจรวดอูรากาน (Uragan) หรือ จรวด 3S90 ซึ่งเป็นจรวดต่อสู้อากาศยานป้องกันตนเองแบบอัตโนมัติ จับเป้าหมายด้วยเรดาร์ที่สามารถตรวจไกลได้ถึง 300 กม. และ จรวดกำหนดระยะยิงประมาณ 30 กม. จากเรือ
เรือพิฆาตชั้นนี้ยังติดตั้งระบบปืนใหญ่เรือ AK-130 จำนวน 2 ระบบ เป็นชนิดเดียวกันกับที่ติดตั้งบนเรือลาดตระเวณ (เรือพิฆาตขนาดใหญ่) ของกองทัพเรือรัสเซียทุกลำ ปืนใหญ่เรือ AK-630 อีก 4 ระบบ ติดระบบตอร์ปิโดปราบเรือดำน้ำ ระเบิดใต้น้ำ จรวดยิงเรือดำน้ำ และ มีเฮลิคอปเตอร์ประจำบนเรืออีก 1 ลำ
โซเวียตเมื่อก่อนนี้ต่อเรือชั้นซอฟเรเมนนีออกมาทั้งหมด 21 ลำ ปัจจุบันเหลือประจำการเพียง 5 ลำ และ อยู่ระหว่างการ "รีฟิต" เพื่อนำกลับมาใช้การอีก 3 ลำ
ตามรายงานของสื่อภาษาเวียดนาม เรือบีสตรีเยือนนครด่าหนังครั้งนี้ พร้อมเรือบอริส บูโตมา (Boris Butoma) ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ กับเรืออัลตาว (Altau) เรือช่วยเหลือกู้ภัย ภายใต้การบัญชาของ พล.ร.ต.อเล็กซานเดอร์ ยูเรวิช ( Aleksandr Yurevich).
.
.