“อาเบะ” แย้มอาจจัดส่ง “เรือยามฝั่งขนาดใหญ่” ให้ฟิลิปปินส์ใช้ลาดตระเวนในทะเลจีนใต้

รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น อาจพิจารณาตอบสนองคำร้องของฟิลิปปินส์ซึ่งต้องการได้ “เรือยามฝั่งขนาดใหญ่” เพื่อใช้ลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ หลังจากที่ผู้นำทั้ง 2 ชาติได้บรรลุข้อตกลงในหลักการว่าด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์และเทคโนโลยีกลาโหมแก่แดนตากาล็อก

ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย ไต้หวัน และเวียดนาม มีข้อขัดแย้งกับจีนเรื่องการอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนในน่านน้ำทะเลจีนใต้ ซึ่งถือเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยแต่ละปีจะมีสินค้าที่ล่องผ่านเส้นทางแถบนี้เป็นมูลค่าถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ฟิลิปปินส์ถือเป็นประเทศในกลุ่มอาเซียนที่มีปากเสียงวิจารณ์จีนมากที่สุดในเรื่องนี้

ด้านญี่ปุ่นแม้ไม่ได้พัวพันกับปัญหาทะเลจีนใต้โดยตรง แต่ก็ไม่ปรารถนาให้ปักกิ่งขยายอิทธิพลครอบงำเส้นทางเดินเรือซึ่งมีความสำคัญกับการขนส่งสินค้าทางทะเลของญี่ปุ่นเช่นกัน

ทั้งนี้ หากรัฐบาลญี่ปุ่นยอมตามที่ฟิลิปปินส์ร้องขอ จะถือเป็นครั้งแรกที่โตเกียวบริจาคยุทโธปกรณ์ให้แก่ต่างชาติโดยตรง และยังสะท้อนถึงนโยบายด้านความมั่นคงที่แข็งกร้าวยิ่งขึ้นของ อาเบะ

“ประธานาธิบดี เบนิโญ อากีโน ได้กล่าวถึงการจัดหาเรือตรวจการณ์ขนาดใหญ่ให้แก่หน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ ซึ่งญี่ปุ่นเองก็พร้อมที่จะพิจารณาเรื่องนี้” อาเบะ ระบุในถ้อยแถลง

อาเบะ และ อากีโน ได้ร่วมหารือแบบทวิภาคีเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (19) ก่อนที่การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงมะนิลาจะปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ

มีรายงานจากสื่อว่า ญี่ปุ่นจะมอบเครื่องบิน Beechcraft TC-90 King Air ที่ผ่านการใช้งานแล้วจำนวน 3 ลำให้แก่ฟิลิปปินส์ โดยอากาศยานรุ่นนี้มีคุณสมบัติเหมาะสำหรับการลาดตระเวนเหนือทะเลจีนใต้ นอกจากนี้ มะนิลายังต้องการได้เครื่องบินลาดตระเวนและปราบเรือดำน้ำ PC-3 ของค่ายล็อดฮีดมาร์ตินด้วย

ญี่ปุ่นเลือกที่จะช่วยเสริมศักยภาพด้านการทหารให้แก่ชาติพันธมิตรที่บาดหมางกับจีน มากกว่าจะส่งเรือรบหรือเครื่องบินของตนเข้ามายังทะเลจีนใต้ ซึ่งจะเป็นการท้าทายจีนอย่างโจ่งแจ้งเกินไป

“เราต้องการเวลาในการพูดคุยสักระยะหนึ่ง” เจ้าหน้าที่อาวุโสแดนปลาดิบเผยกับรอยเตอร์ โดยระบุว่า การลงนามข้อตกลงกับฟิลิปปินส์ในเรื่องอุปกรณ์และเทคโนโลยีกลาโหม คงต้องใช้เวลาอีก 1-2 ปีเป็นอย่างน้อย

“ญี่ปุ่นต้องการคำมั่นว่า อุปกรณ์ที่เราจัดส่งให้จะไม่ถูกถ่ายโอนไปยังประเทศที่สาม” เขากล่าว

บริษัทญี่ปุ่นอยู่ระหว่างผลิตเรือตรวจการณ์จำนวน 10 ลำเพื่อจัดส่งให้แก่หน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ โดยแต่ละลำมีความยาวประมาณ 40 เมตร ทว่ารัฐบาลมะนิลายังต้องการได้เรือตรวจการณ์ขนาดใหญ่ที่มีความยาวถึง 100 เมตรด้วย

ญี่ปุ่นได้ปรับนโยบายด้านการป้องกันประเทศครั้งใหญ่ โดยออกชุดกฎหมายใหม่ซึ่งเปิดทางให้รัฐบาลสามารถส่งกองกำลังป้องกันตนเองออกไปร่วมรบในต่างแดนเพื่อช่วยเหลือชาติพันธมิตรได้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง