ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ภาพเด็กหญิงเวียดนามตัวเล็กๆ นั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ สุนัขแสนรัก ที่กลายเป็นอาหารของคนที่ร้านอาหารใกล้บ้านแห่งหนึ่ง ได้กลายเป็นภาพเศร้าสะเทือนอารมณ์สำหรับชาวเน็ตเวียดนามในช่วงข้ามสัปดาห์มานี้ หลายคนกล่าวว่า ภาพนี้ทำให้พวกเธอหรือพวกเขาต้องร้องไห้ตามเด็ก อีกหลายคนร้องไห้ด้วยสงสารสุนัข ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนแท้ของคน แต่กลับเคราะห์ร้ายกลายเป็นอาหารของเพื่อน
ในเวียดนาม ก็มีการถกเถียงกันไม่ต่างจากที่อื่นๆ เกี่ยวกับคำถามที่ว่า “ทำไมต้องกินหมา” หรือ “ทำไมกินหมาไม่ได้” .... ทำไมกินเนื้อวัว เนื้้อควายได้ กินเนื้อหมู กินไก่เป็นตัวๆ ก็ไม่มีใครว่าอะไร แล้วพอกินเนื้อหมาบ้าง กลับถูกหาว่าป่าเถื่อน .. สังคมมนุษย์นี่มันอะไรกันนักหนา? บางคนเอากันตรงๆ ว่า “กินหมาแล้วหนักหัวใคร เอ็งไม่ชอบใจก็ไม่ต้องกิน” (ในคำพูดจริงๆ ชายคนนี้ใช้คำกิริยาอีกคำหนึ่ง แทนคำว่า “กิน”)
บางคนกล่าวว่า การกินเนื้อสุนัขเป็น “วัฒนธรรม” ของชาวเวียดนาม รวมทั้งชาวจีนด้วย กินหมาจึงไม่ผิดเนื่องจากเป็น “วัฒนธรรม” ฯลฯ
เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเทศกาลตรุษเล็กน้อย ชาวเน็ตที่ชื่อ หวอถิหมีลีง (Vo Thi My Linh) ได้ตั้งกระทู้ขึ้นมาในเว็บไซต์ยอดนิยมแห่งหนึ่ง ด้วยหัวข้อง่ายๆ เดิมๆ ว่า “ไหน.. ลองให้เหตุผลเจ๋งๆ มาสัก 2 ข้อสิ เผื่อข้อหนึ่งผิดอีกข้ออาจจะถูก.. ทำไมฉันต้องเลิกกินหมา” .. ซึ่งปรากฏว่า จนถึงวันนี้ก็ยังมีผู้คนเข้าไปเขียนแสดงความคิดเห็นโต้ตอบกันอย่างต่อเนื่อง รวมแล้วเกือบหนึ่งหมื่นความเห็น
เพราะฉะนั้นก็จึงไม่แปลกอะไรที่ภาพเด็กน้อยนั่งร้องไห้ข้างๆ เพื่อนเล่นแสนรักที่กลายเป็น “หมาย่าง” ไปแล้วนั้น จะช่วยเติมความเผ็ดร้อนให้แก่การถกเถียงกันเกี่ยวกับประเด็นร้อนนี้ ถึงแม้เจ้าของภาพจะไม่ได้อธิบายว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ไหนก็ตาม
สภาพแวดล้อมบ่งบอกว่า อาจจะเป็นเหตุการณ์ภายในครอบครัว เนื่องจากหลายครอบครัวในเวียดนามภาคเหนือ นิยมเลี้ยงสุนัขไว้ในบ้านเพื่อเป็นอาหาร เช่นเดียวกับเลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ดไว้ในเล้า และแล้วในวันหนึ่งสุนัขเลี้ยงที่เคยเป็นเพื่อนเล่นของเธอก็ถึงจุดจบอย่างไม่คาดฝัน
.
.
2
“สงสารเจ้าตูบก็สงสาร และฉันสงสารเด็กน้อยในภาพ ดูมือที่เธอยื่นไปลูบหลังสุนัข ดูความปวดร้าวที่เธอแสดงออกทางใบหน้า ภาพนี้ทำให้ฉันน้ำตาซึม” ชาวเน็ตที่ใช้นามว่า NTTL เขียนลงในเว็บไซต์ข่าวภาษาเวียดนาม “ยานนิวส์”
หลายคนบอกว่า สีหน้าของเด็กหญิงแสดงออกถึงการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตทีเดียว ..
“ผมไม่อยากจะเห็นลูกๆ ของผมปวดร้าวแบบนี้ พอกันทีเถอะ พวกกินหมาทั้งหลาย ของกินอื่นอร่อยกว่านี้มีมากมาย ไม่จำเป็นต้องทำให้ใครเจ็บปวดสูญเสีย” คนที่ชื่อ TQ Vuong ให้ความเห็นทำนองเดียวกัน และก็เป็นที่น่าสังเกตว่า มีฝ่ายที่สนับสนุนการกินเนื้อสุนัข เข้าแสดงความเห็นเกี่ยวกับภาพนี้จำนวนไม่มาก ส่วนใหญ่กล่าวแบบกลางๆ ทำนองว่า “ไม่เคยกินเนื้อหมาที่เลี้ยงในบ้าน” หรือไม่ก็ “ไปซื้อที่เขาทำเสร็จแล้วมาจากตลาด ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ใด” เช่นนี้เป็นต้น
ความขัดแย้งเกี่ยวกับการกินเนื้อสุนัข ไม่ใช่อุบัติการณ์ธรรมดาๆ ในเวียดนาม เนื่องจากคนที่กินมีไม่มาก แต่ชาวเวียดนามที่รักสุนัข และเลี้ยงสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยง เป็นสมาชิกหนึ่งของครอบครัวมีอยู่ค่อนประเทศ เรื่องนี้เคยมีทั้งการสำรวจความคิดเห็นอย่างเป็นทางการ การแสดงประจักษ์พยาน และวัตถุพยานต่างๆ เช่น หลายครอบครัวฝังสุนัขที่เสียชีวิตไว้ในสุสานเดียวกันกับพวกเขา หลายครอบครัวสร้างอนุสรณ์สถาน หรือนำอัฐิของเพื่อนรักสี่ขาไปเก็บรวมเอาไว้ในสุสานเดียวกันกับครอบครัว เป็นต้น
ปลายปีที่แล้วในช่วงที่อากาศเริ่มหนาวเย็น สื่อออนไลน์ภาษาเวียดนามลงข่าวครึกโครมเกี่ยวกับ สาวสวยขอเลิกรากับแฟนหนุ่ม หลังเธอทราบว่า คนที่คบหากันมาหลายปีนั้นชอบกินเนื้อสุนัขย่างแกล้มเบียร์ เธอจับได้ว่าแฟนหนุ่มแอบไปโซ้ยเนื้อหมาย่าง ที่เบียร์บาร์ริมถนนแห่งหนึ่งในนครโฮจิมินห์
.
“ชาวเน็ตเวียดนามแชร์ภาพนี้ผ่านเว็บไซต์ เว็บบล็อก กระจายข่าวสารผ่านเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม .. ทุกสื่อประชาสังคม เว็บไซต์ข่าวบางแห่งมีการแชร์กันหลายพันครั้ง ช่วยปลุกกระแสต่อต้านการกินเนื้อสุนัขให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง -- ภาพ: ยานนิวส์/โด่ยโสงฟ้าบหลวต” |
3
4
5
6
.
สาวสวยคนนี้บอกกับหนังสือพิมพ์ออนไลน์ “โด่ยโสง-ฟ้าบหลวต” (ข่าวกฎหมายกับชีวิตประจำวัน) ว่า เธอเองไม่ใช่คนรักหมา และไม่เคยเลี้ยงหมา แต่รู้สึกว่าหมาเป็นสัตว์ที่ไม่สะอาด น้ำลายมีเชื้อโรค มีพิษเจือปน ในตัวสุนัขมีพยาธิ กับเชื้อโรคร้ายอีกหลายชนิด แล้วเหตุใดเธอจึงจะต้องแต่งงานกับคนที่กินเนื้อสุนัข และจะต้องทนพฤติกรรมแย่ๆ แบบนี้ไปชั่วชีวิต
สาวสวยในข่าวได้รับเสียงปรบมือจากชาวเวียดนามที่เลี้ยงสุนับนับพันๆ คน
และสถานการณ์เข้าข้างเธอ ไม่ช้าไม่นานต่อมาก็มีข่าวครึกโครมว่า เด็กหนุ่มต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานรับจ้างในโฮจิมินห์ แอบไปขโมยสุนัขชาวบ้าน และชำแหละนำเนื้อกับเลือดไปทำลาบสุกๆ ดิบๆ แบ่งปันกันรับประทานกับเพื่อน เพียงข้ามคืนเท่านั้น เด็กหนุ่มทั้ง 4 คนก็ล้มป่วยลง อาเจียรไม่หยุด มี 1 คนเสียชีวิต แพทย์ลงความเห็นว่า เกิดจากการกินบักเตรีชนิดหนึ่งที่ฝังอยู่ในก้อนเนื้อสุนัขเข้าไป
หลายปีก่อนหน้านี้ ทางการกรุงฮานอยได้สั่งปิดร้านอาหารประเภทเมนูสุนัขในย่าน อ.เญิตเติน จำนวนกว่า 50 ร้าน หลังเกิดอหิวาตกโรคระบาด เนื่องจากการชำแหละสุนัขที่ไม่ถูกสุขอนามัย
ก่อนหน้านั้นก็เคยมีข่าวภรรยาคนหนึ่งที่ จ.กว๋างหงาย ในภาคกลางของประเทศ ประกาศเลิกทางกับสามีหลังจากเธอได้ทราบความจริงว่า ไอ้ด่างที่เลี้ยงเฝ้าบ้านไม่ได้หาย หรือติดสัดหนีตามตัวเมียไปตามที่พ่อบ้านบอก แต่พ่อยอดชายแอบเอาไปขายให้พ่อค้าที่ออกไปกว้านซื้อถึงหมู่บ้าน
ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อต้นปีที่แล้ว ราษฎรที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.เหงะอาน ทางภาคกลางตอนบน ได้รุมประชาทัณฑ์โจรขโมยสุนัข 2 คนจนเสียชีวิต ตำรวจยังหาตัวคนลงมือไม่ได้มาจนกระทั่งบัดนี้.