เอเจนซี - ไม่นานมานี้ภัตตาคารเนื้อสุนัขเจ้าดังแห่งหนึ่งในเมืองกว่างโจวได้ปิดตัวลงอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากยอดขายที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ และมาตรการควบคุมตรวจสอบของทางการที่เข้มงวดขึ้น
ภัตตาคารซันไชน์ ภัตตาคารเนื้อสุนัขชื่อดังในเมืองกว่างโจว ได้ปิดตัวลงเมื่อไม่นานมานี้ เป็นอันยุติกิจการที่มีชื่อเสียงยาวนานนับ 50 ปีลงเนื่องมาจากความต้องการบริโภคเนื้อสุนัขที่ลดน้อยลง
กระแสการบริโภคเนื้อสุนัขและเนื้อแมวได้ตกต่ำลงเรื่อยๆ เป็นผลให้บรรดาภัตตาคารเนื้อสุนัขในเขตหยวนชุนและเขตพันอี๋ว์ในนครกว่างโจวค่อยๆพากันทยอยปิดกิจการลง
ชาวบ้านในละแวกนั้นกล่าวว่าผู้คนเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการปกป้องสัตว์ร่วมโลกและไม่ยอมรับการบริโภคเนื้อสุนัข
นอกจากเหตุผลข้างต้นแล้ว กระแสความกังวลเกี่ยวกับสุขอนามัยในการบริโภคเนื้อสุนัข ยังทำให้ผู้คนจำนวนมากเริ่มหันมาใส่ใจในการเลือกบริโภคอาหารมากยิ่งขึ้น ซึ่งหน่วยงานตรวจสอบคุณภาพอาหารในเมืองกว่างโจวได้ประกาศเตือนประชาชนไม่ให้บริโภคเนื้อสุนัข และได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบใบสำคัญการตรวจโรคและจับตามองการจัดหาสุนัขในเมืองเป็นพิเศษ
ผู้คนได้หันมาสนใจและเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเนื้อสุนัขมากขึ้น หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนให้ระวังความปลอดภัยทางอาหารในการบริโภคเนื้อสุนัขระหว่างเทศกาลบริโภคเนื้อสุนัขต่างๆ เช่นเทศกาลเนื้อสุนัขประจำปีในเมืองอี้ว์หลิน เขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกว่างซี (กวางสี)
ในปีที่ผ่านมา(2557) กลุ่มผู้รักสัตว์ได้ชุมนุมกันที่เทศกาลครีษมายัน กินเนื้อสุนัขแกล้มลินจี่ ในเมืองอี้ว์หลิน มณฑลกว่างซี (กวางสี) เพื่อคัดค้านการจัดเทศกาลดังกล่าว และเรียกร้องให้หยุดการฆ่าสุนัขโดยวิธีที่ป่าเถื่อน เช่น การหักคอสุนัขโดยการใช้ไม้ล็อคคอและเหวี่ยงไปมา ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นได้ออกกฎห้ามการแสดงการฆ่าสุนัขในเทศกาลดังกล่าว