มอสโก/วอชิงตัน, 13 มี.ค. (รอยเตอร์) - ในวันศุกร์นี้ รัสเซียได้ปฏิเสธความวิตกกังวลของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการใช้ฐานทัพเก่าของสหรัฐฯ แห่งหนึ่งในเวียดนาม เพื่อเติมเชื้อเพลิงเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ออกบินรอบๆ เขตแดนของสหรัฐฯ ในย่านเอเชียแปซิฟิก ทั้งยังระบุว่า คำแถลงของฝ่ายสหรัฐฯ เมื่อเร็วๆ นี้ “ชวนให้สงสัย” และ “”ดูประหลาด”
รอยเตอร์รายงานในวันพุธว่า สหรัฐฯ ได้ขอร้องเวียดนามให้ยุติการอนุญาตให้เครื่องบินเติมน้ำมันของรัสเซีย ไปใช้ฐานทัพอ่าวกามแรง (Cam Ranh/คัมราน) ในการเติมน้ำมันกลางอากาศให้แก่เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์รัสเซีย ที่มีขีดความสามารถติดอาวุธนิวเคลียร์ ที่ออกแสดงความเข้มแข็งในย่านเอเชียแปซิฟิก
“น่าแปลกใจที่ได้ยินคำแถลงดังกล่าวจากตัวแทนฝ่ายสหรัฐฯ ที่มีกองกำลังตั้งมั่นอย่างถาวรในหลายประเทศเอเชีย-แปซิฟิก และยังคงสืบต่อเพิ่มระดับกิจกรรมทางทหารในภูมิภาคนี้” กระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าว
ฝ่ายรัสเซีย ระบุด้วยว่า คำแถลงของสหรัฐฯ ที่ว่าการเติมเชื้อเพลิงเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียจากเวียดนาม อาจทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นสูงนั้น “ชวนให้สงสัย”
กระทรวงกลาโหม ยังระบุอีกว่า กิจกรรมของกองทัพอากาศรัสเซีย กับความร่วมมือกับเวียดนามนั้น “ดำเนินการสอดคล้องโดยเคร่งครัด กับปทัสฐานระหว่างประเทศ และความตกลงทวิภาคี ไม่ได้มีจุดหมายต่อต้านใคร หรืออะไรทั้งสิ้น และจะไม่เป็นการคุกคามต่อสันติภาพกับเสถียรภาพในภมิภาคเอเชียแปซิฟิก”
พล.อ.วินเซ็นต์ บรู๊ก ผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐในแปซิฟิก กล่าวต่อรอยเตอร์สัปดาห์ที่แล้วว่า เครื่องบิน (รัสเซีย) ได้ทำการบิน “ยั่วยุ” รวมทั้งบินรอบๆ เกาะกวม ซึ่งเป็นดินแดนแปซิฟิกของสหรัฐฯ และยังเป็นที่ตั้งฐานทัพขนาดใหญ่
กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ปีนี้ว่า เครื่องบินบรรทุกน้ำมันแบบ อิล-78 (Il-78) ได้ไปใช้อ่าวกามแรงในปี 2557 ทำให้สามารถเติมน้ำมันกลางอากาศเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ ที่สามารถติดอาวุธนิวเคลียร์ แบบ TU-95 “แบร์” (Bear) ได้ สื่อในเวียดนามที่ทางการควบคุมก็รายงานเรื่องนี้เช่นกัน
.
2
3
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นางเจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว่าว่า สหรัฐฯ ไม่ประสงค์จะให้รัสเซียใช้อ่าวกามแรง
“เราได้เรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ของเวียดนามเพื่อให้หลักประกันว่า รัสเซียจะไม่สามารถใช้อ่าวกามแรง เพื่อดำเนินกิจกรรมที่อาจจะทำให้ภูมิภาคนี้ตึงเครียดยิ่งขึ้น” โฆษกของสหรัฐฯ กล่าว ระหว่างการแถลงข่าวปกติ
สถานีวิทยุเสียงอเมริกาได้รายงานอ้างโฆษกหญิงประจำสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงฮานอยผู้หนึ่ง ซึ่งกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า คำเรียกร้องของสหรัฐฯ ถูกส่งผ่านไปยังเจ้าหน้าที่ของฝ่ายเวียดนามสัปดาห์ที่แล้ว และเธอไม่ทราบว่ามีการตอบสนองใดๆ จากรัฐบาลเวียดนามหรือไม่
รัฐบาลเวียดนาม ไม่ได้ตอบสนองรอยเตอร์ ที่ร้องขอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน
.
4
* เราไม่ได้ตั้งใจที่จะรับฟัง *
ในวันศุกร์นี้ สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียได้รายงานอ้างนายคอนสแตนติน วนูคอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำเวียดนาม ซึ่งกล่าวว่า เวียดนาม และรัสเซีย ต่างเป็นประเทศเอกราชที่ “ไม่ต้องการการชี้แนะ หรือความเห็นจากผู้ใด และเราไม่ได้ตั้งใจที่จะรับฟังความเรียกร้องต้องการ (ของใคร)”
รัสเซีย กับเวียดนามเป็นพันธมิตรกันมายาวนาน และมอสโก เป็นผู้สนับสนุนฮานอยในการต่อสู้กับสหรัฐฯ ในสงครามมเวียดนาม ที่ยุติลงในปี 2518
แต่เหตุขัดแย้งในปัจจุบันได้ปรากฏขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯ อบอุ่นเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความมั่นคงปลอดภัย รวมทั้งความวิตกกังวลร่วมกันต่อการเติบใหญ่ทางอำนาจของจีน และการขยายเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
วอชิงตัน กระตือรือร้นที่จะให้ตนเองมีโอกาสเข้าใช้อ่าวกามแรง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์ “ปักหมุด” ในเอเชีย เพื่อต่อต้านความเข้มแข็งของจีนที่กำลังเพิ่มขยาย
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เรือของสหรัฐฯ หลายลำได้เข้าไปใช้อ่าวเวียดนามสำหรับการซ่อมแซม
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้พยายามที่จะไม่วิพากษ์วิจารณ์เวียดนามโดยตรงเกี่ยวกับเที่ยวบินของรัสเซีย ซึ่งเป็นการเน้นว่า สหรัฐฯ เคารพในสิทธิของเวียดนามที่จะทำความตกลงกับประเทศอื่นๆ
ในวันพฤหัสบดี เจ้าหน้าที่อาวุโสในกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกรอยเตอร์ว่า วอชิงตันไม่เห็น “ข้อบ่งชี้ใดๆ ว่า ความสัมพันธ์ของเวียดนามกับรัสเซียจะทำให้ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ลดระดับ หรืออ่อนแอลง หรือได้รับผลกระทบ”.