xs
xsm
sm
md
lg

เล็งของบมูลนิธิ บิล เกตส์ เกือบ 60 ล.เหรียญฯ หนุนวิจัยวัคซีนเอดส์ตัวใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เล็งของบมูลนิธิ บิล เกตส์ เกือบ 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากวงเงินลงทุนทั้งหมด 113 ล้านเหรียญฯ หนุนโครงการวิจัยวัคซีนเอดส์ตัวใหม่ และพัฒนาศักยภาพการผลิตวัคซีนในไทย หลังพบวัคซีนเอดส์ทดลองระยะ 3 ให้ผลป้องกันดี 31%

วันนี้ (13 ก.พ.) นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังหารือกับ นพ.เคนเนท เบอร์แทรม รองผู้บัญชาการหน่วยพัฒนาวิจัยการแพทย์และเวชยุทโธปกรณ์ กองทัพบกสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาวิจัยวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ ว่า สธ. และกองทัพบกสหรัฐฯ ได้ร่วมกันศึกษาวิจัยวัคซีนเอดส์มาตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งผลการวิจัยวัคซีนเอดส์ทดลองระยะที่ 3 ในอาสาสมัครที่ จ.ชลบุรี และ ระยอง 16,400 คน พบว่า ประสิทธิผลในการป้องกันอยู่ที่ร้อยละ 31 นับเป็นครั้งแรกในโลกที่ประสบผลสำเร็จในการค้นพบวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ จึงผลักดันที่จะพัฒนาวัคซีนครั้งใหม่ต่อยอดจากตัวเดิมในไทย เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น และควบคุมป้องกันโรคเอดส์อย่างได้ผล โดยไทยยินดีจะร่วมมือในการพัฒนาวัคซีนเอดส์ต่อไป รวมถึงพัฒนาศักยภาพการผลิตวัคซีนเพื่อความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศ

นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคดำเนินการ 2 เรื่อง คือ 1. ปรับข้อเสนอในการของบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลไทยที่จะนำมาใช้ร่วมกันในโครงการ ให้มีข้อมูลที่ครบถ้วน ทั้งในส่วนของการวิจัยพัฒนาวัคซีนเอดส์ และการพัฒนาศักยภาพการผลิตวัคซีนเพื่อความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศ ทั้งในภาวะฉุกเฉินเช่นการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ และ วัคซีนป้องกันโรคพื้นฐาน เช่น คอตีบ ไอกรน เป็นต้น รวมทั้งรองรับการผลิตวัคซีนเพื่อการวิจัยได้ เช่น วัคซีนเอดส์ วัคซีนไข้เลือดออก เป็นต้น 2. การจัดทำรายละเอียดวงเงินงบประมาณและแหล่งทุนที่ชัดเจน รวมถึงเงื่อนไขการดำเนินงานร่วมกันกับภาคเอกชนที่จะเข้าร่วมเป็นผู้ผลิตวัคซีนในโครงการ

นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โครงการวิจัยวัคซีนเอดส์และพัฒนาศักยภาพการผลิตวัคซีนฯ คาดว่า จะใช้งบประมาณรวม 113 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เบื้องต้นกองทัพบกสหรัฐฯ เสนอสนับสนุน 27.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กำลังเตรียมการของบประมาณในวงเงิน 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับการวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนเอดส์ให้กับภาคเอกชนที่ได้รับการคัดเลือก คือ บริษัท ไบโอเนท เอเชีย จำกัด และงบประมาณกรมควบคุมโรค 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อใช้วิจัยภาคสนาม ส่วนที่ยังขาดอยู่อีกประมาณ 50 - 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะหาจากแหล่งอื่นๆ เช่น มูลนิธิ บิล และ เมลินดา เกตส์ โดยจะหารือใน มี.ค. 2558

“การศึกษาวิจัยวัคซีนเอดส์ครั้งใหม่นี้ รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพการผลิตวัคซีน เพื่อความมั่นคงของประเทศถือเป็นโอกาสของประเทศไทย ที่จะได้วัคซีนป้องกันโรคเอดส์ที่คาดว่าจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเป็นสายพันธุ์ อี ซึ่งพบมากที่สุดประมาณร้อยละ 90 ของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในไทย รวมทั้งพบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทางตอนใต้ของประเทศจีน โดยการศึกษาครั้งนี้ จะเป็นการศึกษาวัคซีนที่มีผลในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในระดับที่สูงขึ้นกว่าโครงการที่ผ่านมา จะทดลองตามขั้นตอนจริยธรรมในการวิจัยในมนุษย์ และทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในคน 3 ระยะ คือ ความปลอดภัย ความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และประสิทธิผลของวัคซีน โดยใช้วัคซีน 2 ชนิดคู่กัน คาดว่าจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ดีขึ้น” นพ.โสภณ กล่าว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น