รอยเตอร์ - การต่อสู้อย่างหนักระหว่างทหารพม่า และกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยในสัปดาห์นี้ มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 20 คน ในพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือใกล้ชายแดนจีน
กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่มต้องต่อสู้กับรัฐบาลกลางในพม่านับตั้งแต่ประเทศได้รับเอกราชในปี 2491 แม้รัฐบาลจะเจรจาข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยเกือบทั้งหมด แต่การปะทะมักปะทุขึ้น
กระทรวงข้อมูลข่าวสารของพม่า ระบุบนเฟซบุ๊กว่า มีทหาร 9 คน และกองกำลังของกลุ่มติดอาวุธ 11 คน เสียชีวิตในการปะทะหลายระลอกที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ (2) ในรัฐชาน และรัฐกะฉิ่น
สภาสหพันธรัฐชาติสหภาพพม่า (UNFC) ที่เป็นตัวแทนของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อย 11 กลุ่ม ยืนยันว่า การต่อสู้เกิดขึ้นทั้ง 2 รัฐ แต่ระบุว่า จำนวนทหารของรัฐบาลเสียชีวิตประมาณ 30 คน และฝ่ายชนกลุ่มน้อยเสียชีวิต 4 คน
การต่อสู้ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นหลัง UNFC ส่งหนังสือถึงประธานาธิบดีเต็งเส่ง สอบถามรัฐบาลถึงการลงนามข้อตกลงเพื่อมุ่งไปสู่การเป็นสหภาพสหพันธรัฐ
คู อู เร เลขาธิการ UNFC กล่าวว่า ข้อตกลงที่จะสร้างสหภาพสหพันธรัฐจะเป็นการปูทางไปสู่การลงนามการหยุดยิงแห่งชาติ แต่การต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ อาจทำลายความพยายามดังกล่าว
UNFC หวังที่จะลงนามข้อตกลงการเป็นระบอบสหพันธรัฐ ในวันที่ 12 ก.พ. ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับในปี 2490 ที่กองทัพ และผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์เห็นชอบที่จะตั้งสหพันธรัฐเมื่อได้เอกราชจากอังกฤษ
ขณะที่กลุ่มกบฏชาติพันธุ์ส่วนใหญ่ได้ตกลงหยุดยิงกับรัฐบาล แต่การต่อสู้ในสัปดาห์นี้เกี่ยวข้องกับกองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง และกองทัพอิสระกะฉิ่น ซึ่งทั้งคู่ยังไม่ได้ลงนามข้อตกลงหยุดยิง
คู อู เร กล่าวว่า กองทัพอาจเปิดฉากโจมตีเพื่อกดดันให้กลุ่มกบฏยอมรับข้อเสนอหยุดยิง
รัฐบาลกึ่งพลเรือนนักปฏิรูปของพม่า ที่เข้าสู่อำนาจหลังการปกครองของทหารนาน 49 ปี ระบุว่ารัฐบาลต้องการที่จะลงนามข้อตกลงหยุดยิงแห่งชาติก่อนการเลือกตั้งในปลายปีนี้ แต่ระบอบสหพันธรัฐเป็นประเด็นติดขัดในการเจรจา เพราะกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยต้องการการปกครองตนเอง ขณะที่กองทัพย้ำมาตลอดถึงความจำเป็นของรัฐบาลส่วนกลาง ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับที่ทหารร่างขึ้นในปี 2551.