เอเอฟพี - สหประชาชาติ ส่งสัญญาณเตือนถึงการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรัฐกะฉิ่น ทางเหนือของพม่า หลังมีรายงานการยิงปืนใหญ่โจมตีใกล้พื้นที่พลเรือน ขณะที่กลุ่มกบฏชี้ว่าการปะทะอาจกระจายไปตามพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ
การต่อสู้รุนแรงในรัฐกะฉิ่น ใกล้พรมแดนจีน เกิดขึ้นนับตั้งแต่กองทัพทหารพม่ายิงปืนใหญ่ตกลงบนค่ายฝึกอบรมทหารของกองทัพกะฉิ่นอิสระ (KIA) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการเจรจาสันติภาพที่กำลังจะมีขึ้นเร็วๆ นี้
สหประชาชาติ เรียกร้องให้พลเรือนได้รับความคุ้มครอง เมื่อการต่อสู้ระหว่างกองกำลังทหารของรัฐ และกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ส่งผลให้ประชาชนราว 100,000 คน ต้องอพยพหลบหนีออกจากที่อยู่อาศัยนับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิง 17 ปี สิ้นสุดลงเมื่อปี 2554
“เรารู้สึกวิตกต่อรายงานเหตุต่อสู้ในรัฐกะฉิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยิงปืนใหญ่เข้าไปในพื้นที่ใกล้กับหมู่บ้าน และค่ายของผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ” ปิแอร์ เปรอง โฆษกสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ กล่าว
กองทัพทหารพม่าออกมายอมรับเมื่อวันพุธ (19) ว่า ได้โจมตีค่ายฝึกอบรมของ KIA ที่ฝ่ายกบฏระบุว่า มีนักศึกษาทหารเสียชีวิต 22 คน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองลายซา อันเป็นที่มั่นของกลุ่ม KIA แต่ทหารระบุว่า เป็นเพียงแค่การยิงเตือนตอบโต้การโจมตีของ KIA
ด้านกลุ่มบรรเทาทุกข์ท้องถิ่น และ KIA กล่าวว่า การยิงปืนใหญ่ยังคงดำเนินต่อเนื่อง โดยเมื่อวันอาทิตย์ (23) ทหารได้ยิงอาวุธหนักใกล้ค่ายพักของผู้ไร้ที่อยู่อาศัยหลายพันคน
โฆษกของ KIA กล่าวว่า การกระทำของทหารสามารถทำลายความไว้วางใจของกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมดจากการกล่าวโทษว่า KIA เป็นผู้กระตุ้นให้เกิดการยิงปืนใหญ่โจมตี
“สิ่งนี้อาจก่อให้เกิดการต่อสู้ทั่วทั้งประเทศ” ลา นาน โฆษก KIA กล่าว
พล.อ.มิน ออง หล่าย กล่าวให้สัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า กองทัพมีสิทธิที่จะป้องกันตนเอง รวมทั้งทำหน้าที่หยุดยั้งกลุ่มกบฏจากความสามารถในการต่อสู้
กลุ่มกบฏ 14 กลุ่ม จากทั้งหมด 16 กลุ่ม ได้ลงนามข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลกึ่งพลเรือนอันเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ข้อตกลงกับ KIA และกองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง ในรัฐชาน ทางภาคตะวันออก ยังคงไม่คืบหน้า
และในช่วงค่ำของวันจันทร์ (24) ชาวพม่าจำนวนหนึ่งได้รวมตัวกันในนครย่างกุ้งเพื่อจุดเทียนประท้วงเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น.