เอพี - กองกำลังทหารพม่าที่ต่อสู้กับกลุ่มกบฏชาติพันธุ์ใกล้พรมแดนจีน พบศพฝ่ายกบฏ 13 ศพ และยังสามารถจับตัวฝ่ายกบฏได้อีก 8 คน หลังฝ่ายรัฐบาลสูญเสียอย่างหนักในระหว่างการปะทะกันอย่างดุเดือดในช่วงสัปดาห์ ตามการรายงานของสื่อทางการพม่าในวันนี้ (15)
การปะทะกันที่เกิดขึ้นถือเป็นการปะทะอย่างดุเดือดที่สุดคราวหนึ่งภายในประเทศในช่วง 2 ปี และขัดขวางความพยายามของรัฐบาลกึ่งพลเรือนที่จะลงนามข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มกบฏหลายสิบกลุ่มที่สู้รบเพื่อเรียกร้องการปกครองตนเองมานานหลายทศวรรษ
ตามการรายงานของหนังสือพิมพ์เมียนมาร์อาลิน ในวันนี้ (15) กองกำลังทหารของรัฐบาลพม่าพบศพฝ่ายกบฎฏ 13 ศพ และจับตัวกบฏที่ได้รับบาดเจ็บได้อีก 8 คน พร้อมยึดอาวุธได้ 98 รายการ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล มีทหารเสียชีวิตระหว่างการสู้รบ 47 นาย และได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 70 นาย จากการโจมตีทางอากาศยังฐานของฝ่ายกบฏใกล้เมืองลวกไก เมืองเอกของเขตปกครองพิเศษโกก้าง ภายในรัฐชาน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากนครย่างกุ้ง ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 800 กิโลเมตร
กลุ่มกบฏโกก้างเคยเป็นส่วนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์พม่า จนกระทั่งลงนามหยุดยิงกับรัฐบาลทหารเมื่อปี 2532 เจ้าหน้าที่อ้างว่าการต่อสู้ที่ปะทุขึ้นรอบใหม่นี้เป็นการนำของโพน คะยา ชิน ที่พยายามจะยึดเมืองลวกไก
พล.อ.อาวุโสมิน ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดพม่า กล่าวหาว่า กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์กลุ่มอื่นๆ ให้การสนับสนุนกลุ่มกบฎโกก้างในการต่อสู้ แต่ไม่ได้ระบุเจาะจงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ตุน มัต ลิน เลขาธิการของกลุ่มกบฏโกก้าง เปิดเผยต่อเอพีเมื่อวันเสาร์ (14) ว่า พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มกบฏอื่นๆ รวมทั้ง กะฉิ่น ชาน และอาระกัน แต่โฆษกของกลุ่มกะฉิ่นออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว
พม่า เพิ่งฟื้นตัวจากการปกครองของรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า นับตั้งแต่เข้าบริหารประเทศในปี 2554 รัฐบาลของประธานาธิบดีเต็งเส่ง ได้พยายามที่จะบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่มกบฏต่างๆ ในพื้นที่เขตพรมแดนที่อุดมด้วยทรัพยากร
แม้ว่าข้อตกลงหยุดยิงเบื้องต้นจะบรรลุกับกลุ่มชาติพันธุ์แล้วหลายกลุ่ม แต่ยังคงมีการปะทะเกิดขึ้นเป็นระลอกต่อกลุ่มกะฉิ่น ชาน และอื่นๆ เพื่อที่จะเข้าควบคุมแหล่งทรัพยากรต่างๆ รวมทั้งไม้ และหยก ในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าอาจมีความเคลื่อนไหวของทหารเกิดขึ้นอีกในอนาคต.