ตำรวจกัมพูชาระบุวันนี้ (3) ว่า พวกเขาได้ออกสำรวจป่าในพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อยู่ห่างไกลของประเทศ เพื่อค้นหาชาวเขาจากเวียดนามที่ข้ามพรมแดนเข้ามาหวังที่จะลี้ภัย
กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่า ชาวเขา 13 คน ได้หลบหนีการกดขี่ข่มเหงในเวียดนามตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก่อน และได้ซ่อนตัวอยู่ใน จ.รัตนะคีรี โดยชาวเขากลุ่มดังกล่าวเป็นชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ที่นับถือศาสนาคริสต์ซึ่งอาศัยอยู่บนภูเขาในเขตที่ราบสูงภาคกลางของเวียดนาม
“เรากำลังค้นหาพวกเขา ตอนนี้ยังหาตัวไม่พบ” เจ้าหน้าที่ตำรวจของ จ.รัตนคีรี กล่าวและว่ากระทรวงมหาดไทย จะพิจารณาว่าควรจะส่งคนกลุ่มนี้กลับประเทศหรือไม่
ชาวเขาจำนวนมากสนับสนุนฝรั่งเศส และกองกำลังของสหรัฐฯ ในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ช่วงสงครามอินโดจีน ซึ่งต่อมา ในภายหลังต้องเผชิญต่อการกดขี่ข่มเหง และการเลือกปฏิบัตินับตั้งแต่ความขัดแย้งสิ้นสุดลงในปี 1975
ผู้ประสานงานของกลุ่มสิทธิมนุษยชน Adhoc ใน จ.รัตนคีรี ระบุว่า บุคคลทั้ง 13 คน ได้หลบหนีการข่มเหงรังแกในเวียดนาม และต้องการหลบภัย พวกเขาขาดแคลนอาหาร และเจ็บป่วยจากมาลาเรีย แต่ไม่กล้าออกจากป่าเนื่องจากวิตกกังวลว่าจะถูกส่งกลับประเทศ ขณะที่หน่วยงานด้านผู้ลี้ภัยของสหรประชาชาติ กล่าวว่า การบังคับให้ชาวเขา 13 คน เดินทางกลับไปเวียดนามจะเป็นการละเมิดข้อผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ
สื่อท้องถิ่นของกัมพูชารายงานว่า กลุ่มชาวเขา 13 คน เป็นชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์จราย (Jarai) แต่ยังไม่แน่ชัดว่าพวกเขากำลังหลบหนีเจ้าหน้าที่ หรือการกดขี่ทางศาสนา
กลุ่มชาวเขาส่วนมากมีวิถีปฏิบัติแบบชาวคริสต์ และไม่เห็นด้วยต่อบรรดาผู้ปกครองคอมมิวนิสต์ของเวียดนามที่ควบคุมศาสนาอย่างเข้มงวด
เวียดนามมักร้องขอให้กัมพูชาส่งชาวเขาที่หลบหนีกลับประเทศ ซึ่งมักเกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่ปี 2544 ที่กองกำลังทหารเวียดนามเข้าปราบปรามการประท้วงในที่พื้นที่เขตที่ราบสูงภาคกลาง จนทำให้ชาวเขาจำนวนมากต้องอพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าว
ในเดือน พ.ค.2554 ชาวม้งหลายพันคนได้รวมตัวกันในพื้นที่ห่างไกลทางตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนามเพื่อรอการมาถึงของพระผู้ช่วยให้รอด ซึ่งการรวมตัวดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่เข้าสลาย และหลายสิบคนถูกจำคุกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางการเวียดนามอ้างว่า เป็นแผนของผู้สนับสนุนการแบ่งแยกที่ต้องการจะโค่นล้มรัฐบาลคอมมิวนิสต์.