เอเอฟพี - ชาวเขา 13 คน ออกจากที่หลบซ่อนในป่าในกัมพูชา และจะยื่นเรื่องขอลี้ภัย หลังข้ามฝั่งมาจากเวียดนามเพื่อหลบหนีการถูกทำร้าย สหประชาชาติระบุวันนี้ (21)
ชนกลุ่มน้อยกลุ่มนี้ได้หลบภัยอยู่ในป่านานกว่า 7 สัปดาห์ ใน จ.รัตนะคีรี ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา ด้วยกลัวว่าจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว และถูกส่งกลับประเทศ แต่หลังจากติดต่อกับกลุ่มสิทธิมนุษยชน และสหประชาชาติ ชาวเขา 8 คน ยอมออกจากที่ซ่อนในเช้าวันเสาร์ (20) เพื่อพบกับทีมของสหประชาชาติ
ส่วนชาวเขาที่เหลืออีก 5 คน ในกลุ่มที่หลบหนีมาจากเวียดนามพร้อมกันนั้น เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นพบตัวในเวลาต่อมา และได้ส่งตัวให้กับทีมสหประชาชาติ ซึ่งชาวเขาทั้ง 13 คน จะถูกส่งตัวไปที่กรุงพนมเปญ
“กรมการลี้ภัยของรัฐบาลกัมพูชาจะลงทะเบียนชาวเขากลุ่มนี้หลังเดินทางถึงกรุงพนมเปญ” วิเวียน ตัน โฆษกของ UNHCR ประจำประเทศไทยกล่าว
ชาย ธี เจ้าหน้าที่จากกลุ่มสิทธิมนุษยชน Adhoc ในกัมพูชาระบุว่า ชาวเขาจากเวียดนามทั้ง 13 คน ในเวลานี้ปลอดภัยจากการถูกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของกัมพูชาเนรเทศ
ผู้ลี้ภัยหลายคนในกลุ่มมีอาการป่วยจากโรคไข้เลือดออก และมาลาเรียหลังหลบซ่อนอยู่ในป่าเป็นเวลานานหลายสัปดาห์
ก่อนหน้านี้ สหประชาชาติระบุว่า เจ้าหน้าที่กัมพูชาปฏิเสธที่จะให้หน่วยงานเข้าช่วยเหลือชาวเขาเหล่านี้ ที่เป็นชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์จราย (Jarai) และเมื่อวันเสาร์ (20) โฆษกกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา กล่าวหาทีมงานของสหประชาชาติว่า ละเมิดอธิปไตยของประเทศด้วยการช่วยเหลือผู้ขอลี้ภัย และอ้างว่า เป็นการตัดสินใจของกัมพูชาที่จะพิจารณาว่าคนกลุ่มนี้เป็นผู้ลี้ภัยหรือไม่
ในปี 2554 กองกำลังทหารของเวียดนามได้เข้าปราบปรามการประท้วงในเขตพื้นที่ราบสูงภาคกลาง จนทำให้ชาวเขาจำนวนมากต้องอพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าว และทางการเวียดนามมักร้องขอให้กัมพูชาส่งตัวผู้ที่หลบหนีกลับประเทศ.