เนปีดอ 13 พ.ย.2557 (รอยเตอร์) -- นายกรัฐมนตรีจีนหลี่เค่อเฉียง ได้เสนอวันพฤหัสบดีนี้ การทำสนธิสัญญามิตรภาพกับอาเซียน พร้อมกับหยิบยื่นเงินกู้ให้ 20,000 ล้านดอลลาร์ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยืนหลักการที่ว่าปักกิ่ง จะแก้ไขข้อขัดแย้งในทะเลจีนใต้กับคู่กรณีโดยตรงเท่านั้น
จีน ไต้หวัน และ 4 ชาติจากอาเซียน ยังคงแข่งขันอ้างกรรมสิทธิ์ในทะเลที่สร้างความวิตกว่าความขัดแย้งจะยกระดับสูงขึ้น แม้ว่าบรรดาประเทศที่อ้างสิทธิจะทำงานเพื่อหาข้อตกลงที่จะแก้ไขก็ตาม
“จีน...พร้อมที่จะกลายเป็นหุ้นส่วนการเจรจาครั้งแรก ที่จะลงนามสนธิสัญญามิตรภาพ และความร่วมมือกับอาเซียน” ผู้นำจีน กล่าวในการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกที่จัดขึ้นในพม่า สนธิสัญญาดังกล่าวถูกมองว่าเป็นความพยายามของปักกิ่งที่จะขจัดความคิดว่าจีนเป็นภัยคุกคาม นายหลี่ เค่อเฉียง ระบุว่า จีนประสงค์ที่จะลงนามเอกสารทางกฎหมายกับชาติต่างๆ ในภูมิภาคด้วยความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และเป็นมิตร
นายหลี่ ยังเสนอให้เงินกู้ผ่อนปรน และเงินกู้พิเศษให้แก่กลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งนับเป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจสำหรับอาเซียน เพื่อใช้ในการสร้างถนน ท่าเรือ และทางรถไฟ ที่จำเป็นสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ผู้นำจีนยังคงย้ำการแก้ปัญหาของปักกิ่ง ในการปกป้องสิทธิอธิปไตย และจุดยืนของประเทศว่า ข้อขัดแย้งเกี่ยวกับทะเลจีนใต้นั้นควรจัดการโดยตรงมากกว่าการรวมกลุ่มหรือผ่านอนุญาโตตุลาการ
ฟิลิปปินส์ หนึ่งในชาติจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อ้างกรรมสิทธิ์ สร้างความไม่พอใจให้แก่จีน โดยก่อนหน้านี้ ได้ยื่นฟ้องจีนต่อศาลสหประชาชาติในการอ้างกรรมสิทธิ์ของจีนเหนือน่านน้ำของทะเลจีนใต้ถึง 90% แหล่งข่าวทางการทูตจากฟิลิปปินส์ตอบสนองอย่างเรียบเฉยต่อข้อเสนอสนธิสัญญาของจีน โดยกล่าวว่า ข้อเสนอขาดสาระสำคัญ และคล้ายกับข้อเสนอของฟิลิปปินส์ในปี 2555 ที่ถูกจีนปฏิเสธ
นายกรัฐมนตรีหลี เค่อเฉียง พบหารือกับผู้นำชาติสมาชิกอาเซียนในค่ำวันพฤหัสบดีนี้ โดยผู้นำชาติสมาชิกอาเซียนต่างหวังที่จะโน้มน้าวเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่รายนี้ให้ลดความแข็งกร้าวในการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ทับซ้อนในทะเลจีนใต้ แต่ถึงแม้ว่าจะมีการเจรจาหลังฉากกันก็ตาม อาเซียนในนามทั้งกลุ่มก็ยังคงลังเลที่จะเป็นปรปักษ์กับจีน
“เรายังคงเป็นกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลจีนใต้” กลุ่มอาเซียนระบุในคำแถลงในนามประธานของกลุ่ม โดยไม่ได้ระบุชื่อจีน ในขณะที่ฟิลิปปินส์ กับเวียดนามต่างก็แสวงหาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น เพื่อยันกับสิ่งที่สองประเทศนี้กล่าวว่าเป็นการคุกคามจากจีน ในเดือน พ.ค.จีนได้ส่งแท่นขุดเจาะน้ำมันลอยน้ำ เข้าไปยังน่านน้ำที่เวียดนามกล่าวอ้างเป็นเจ้าของ ซึ่งทำให้เกิดการจลาจลต่อต้านจีนอย่างรุนแรงขึ้นในเวียดนาม จนถึงขั้นมีการเสียชีวิต
ประธนนาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในกรุงเนปีดอ เพื่อร่วมประชุมสุดยอดกับผู้นำอาเซียน ได้เปิดการพบเจรจาอย่างเป็นทางการครั้งแรกกับนายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหวียนเติ๋นยวุ๋ง วันพฤหัสบดีนี้
“เรามีความเชื่อร่วมกันอย่างยิ่งว่าจำเป็นที่ทุกชาติในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศเล็ก หรือประเทศใหญ่ จักต้องปฏิบัติตามแนวโน้มแห่งกฎระเบียบในการแก้ไขปัญหาต่างๆ” นายโอบามากล่าว
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. สหรัฐฯ ตัดสินใจเริ่มผ่อนคลายข้อห้ามจำหน่ายอาวุธร้ายแรงให้แก่เวียดนาม ที่บังคับใช้มาเป็นเวลาเกือบ 4 ทศวรรษ.