นายกฯ และหัวหน้า คสช.พร้อมภริยา เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 25 ก้าวสู่ประชาคมในปีหน้า
วันนี้ (12 พ.ย.) ที่กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมภริยา ได้เดินทางเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 25 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้ยืนอยู่ข้างกับนายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และนายเหงียน เติ๊นสุง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม
โดยการประชุมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของปี และจะมีการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา อินเดีย ออสเตรเลีย และเลขาธิการสหประชาชาติ การประชุมสุดยอดประเทศลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น การประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit) ด้วย
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการทบทวนพัฒนาการการสร้างประชาคมอาเซียนและต่อยอดความร่วมมือทั้งสามเสาหลัก เพื่อเตรียมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และร่วมกันกำหนดทิศทางและวิสัยทัศน์ของประชาคมอาเซียนภายหลังปี 2558 ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศที่สำคัญ โดยไทยจะเสนอให้มีการผลักดันประเด็นเร่งด่วนที่ควรดำเนินการให้มีผลเป็นรูปธรรมในปี 2558 อาทิ การส่งเสริมการเชื่อมโยง การดูและภัยคุกคามจากความเชื่อมโยง และการรับมือกับภัยพิบัติ เป็นต้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะนำเสนอวิสัยทัศน์ของไทยต่อประชาคมอาเซียนภายหลังปี 58
โดยนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีพม่า รอให้การต้อนรับผู้นำประเทศต่างๆที่เดินทางมาถึงศูนย์การประชุม ก่อนที่ผู้นำทั้งหมด จะเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนอย่างเป็นทางการ จากนั้นประธานาธิบดีพม่าในฐานะประธานอาเซียนได้กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุม เริ่มจากแนะนำพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมการประชุมอาเซียนเป็นครั้งแรก
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ได้กล่าวถึงการประชุมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นว่า เป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความพยายามของอาเซียน เพื่อย้ำถึงเจตนารมย์ทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งอาเซียนจะเสริมสร้างความร่วมมือทั้งภายในและภายนอกภูมิภาคให้มากขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามแผนโร้ดแมปประชาคมอาเซียน ทั้งนี้ อาเซียนจะเดินหน้ากำหนดวิสัยทัศน์ภายหลังปี 2558 หลังจากเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปีหน้า โดยหัวข้อหลักของการประชุมในปีนี้ คือ การก้าวไปข้างหน้าสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวและประชาคมที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรือง
ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดีพม่าได้ทบทวนถึงความสำเร็จและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอาเซียน รวมทั้ง ประณามการยิงเครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน เอ็มเอช 317 และความรุนแรงที่เกิดจากการก่อการร้าย
ด้านเศรษฐกิจ ประธานาธิบดีพม่า กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจโลกจะมีความไม่แน่นอน แต่การบริโภคภายในประเทศอาเซียนยังคงแข็งแกร่ง และคาดว่าปีหน้า เศรษฐกิจอาเซียนจะเติบโตขึ้นร้อยละ 5 พร้อมย้ำถึงความร่วมมือในระดับต่อไป ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1.ความร่วมมือในการส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมกัน สร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจระหว่างกัน เพื่อให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพ 2.ส่งเสริมให้อาเซียนมีบทบาทและเป็นกลไกสำคัญในระดับภูมิภาครวมทั้งเวทีโลก3.ความร่วมมือเพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ลดความยากจน ลดช่องว่างการพัฒนา และ 4.ส่งเสริมให้อาเซียนปรับตัวเพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อให้อาเซียนสามารถร่วมมือกับประเทศภายนอกภูมิภาค โดยเฉพาะการเผชิญหน้าต่อความท้าทายของโลก เช่น ภัยพิบัติ ภัยคุกคาม การก่อการร้าย โรคระบาด วิกฤตอาหารและพลังงาน เป็นต้น