xs
xsm
sm
md
lg

กัมพูชาเปิดศาลพิจารณาคดีอดีตแกนนำเขมรแดงข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033>ภาพถ่ายที่เผยแพร่โดยศาล ECCC วันที่ 17 ต.ค. เผยให้เห็น นายนวน เจีย (กลาง) อดีตแกนนำเขมรแดง สหายหมายเลข 2 สวมแว่นกันแดดสีดำนั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดี หลังศาลเริ่มพิจารณาคดีข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กับอดีตแกนนำเขมรแดง 2 คนอีกครั้ง.-- Agence France-Presse/ECCC/Nhet Sok Heng.</font></b>

เอเอฟพี - การพิจารณาคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอดีตแกนนำเขมรแดง 2 คน กลับมาดำเนินต่อในวันนี้ (17) ที่ศาลสหประชาชาติให้การสนับสนุนในกัมพูชา ซึ่งทั้งคู่เผชิญต่อข้อหาการสังหารหมู่ชาวเวียดนาม และชาวมุสลิมกลุ่มชาติพันธุ์ การบังคับแต่งงาน และการข่มขืน

นวน เจีย อายุ 88 ปี หรือที่รู้จักในชื่อ สหายหมายเลข 2 และเคียว สมพร อายุ 83 อดีตประธานแห่งรัฐ ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต หลังการพิจารณาคดีในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เมื่อเดือน ส.ค. คำตัดสินดังกล่าวทำให้ทั้งคู่กลายเป็นแกนนำเขมรแดงที่มีตำแหน่งสูงรายแรกที่ถูกจำคุกจากระบอบการปกครองที่เป็นเหตุให้ชาวกัมพูชาเสียชีวิตมากถึง 2 ล้านคน ในระหว่างปี 2518-2522

การพิจารณาคดีครั้งที่ 2 ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เดือน ก.ค. กลับมาดำเนินอีกครั้งในวันนี้ (17) โดยมีผู้พิพากษานิล นน อ่านข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และอาชญากรรมสงคราม

นวน เจีย สวมแว่นกันแดดสีดำ และเคียว สมพร นั่งในศาลอยู่ข้างทีมทนายฝ่ายจำเลย โดยมีผู้รอดชีวิตจากการปกครองของเขมรแดงราว 300 คน ประท้วงอยู่ด้านนอกศาล เรียกร้องเงินชดเชยสำหรับความทุกข์ทรมานที่พวกเขาได้รับ

ความซับซ้อนในคดีของนวน เจีย และเคียว สมพร ทำให้ศาลต้องแยกการพิจารณาออกเป็นส่วนๆ เพื่อให้การตัดสินทำได้รวดเร็วขึ้น เนื่องจากข้อกล่าวหาที่มีเป็นจำนวนมาก และจำเลยที่มีอายุมากแล้ว

ชายทั้งคู่ได้อุทธรณ์คำตัดสินเดือน ส.ค. ที่มีขึ้นหลังพิจารณาคดีนาน 2 ปี ที่มุ่งไปยังประเด็นของการบังคับอพยพชาวกัมพูชาราว 2 ล้านคน ออกจากกรุงพนมเปญไปยังค่ายแรงงานชนบท และสังหารในพื้นที่ประหารแห่งหนึ่ง

การพิจารณาคดีที่ 2 มีขอบเขตกว้างกว่าคดีแรก ที่ถูกมองว่าเป็นโอกาสสำหรับเหยื่อหลายคนของระบอบเขมรแดงที่จะได้รับการแก้ไข

“จำเลยจะเผชิญต่อการพิจารณาต่อการก่ออาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุด ศาลนี้จะไม่ปิดลงจนกว่าความยุติธรรมจะเกิดขึ้นต่อเหยื่ออาชญากรรมเหล่านี้” อัยการเจีย เลียง กล่าว

คำเบิกความของพยานฝ่ายโจทย์คนแรกมีกำหนดเดิมในวันจันทร์ (20) แต่เลื่อนไปเป็นวันที่ 27 ต.ค.

การสังหารหมู่มุสลิมชาวจาม ประมาณ 100,000-500,000 คน และชาวเวียดนาม 20,000 คน เป็นฐานในการตั้งข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อทั้งคู่ แต่ก่อนที่ข้อหานี้จะถูกตั้งขึ้น การปฏิบัติต่อมุสลิมชนกลุ่มน้อย และชุมชนชาวเวียดนามแทบไม่เคยถูกกล่าวถึง

“วิธีที่เขมรแดงทำกับเรานั้นเลวร้ายเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูด เป้าหมายของพวกเขาคือ กำจัดเผ่าพันธุ์เรา” เซธ มาลี อายุ 64 ปี ผู้รอดชีวิตจากค่ายแรงงานชาวจาม ที่สูญเสียญาติพี่น้องเกือบ 100 คน กล่าว

นวน เจีย และเคียว สมพร ยังต้องเผชิญต่อข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และอาชญากรรมสงครามในการพิจารณาคดีครั้งที่ 2 ต่อการเสียชีวิตของชาวกัมพูชามากถึง 2 ล้านคน จากความอดอยาก การทำงานหนัก หรือถูกสังหารระหว่างการปกครองของเขมรแดง

ส่วนใหญ่ของผู้เสียชีวิตเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในข่ายของข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่สหประชาชาติกำหนดไว้ว่าเป็นการกระทำมุ่งมั่นด้วยความตั้งใจที่จะทำลายทั้งหมด หรือบางส่วนของชาติ ชาติพันธุ์ เชื้อชาติ หรือกลุ่มศาสนา

ภายใต้การนำของพล พต ที่เสียชีวิตลงในปี 2541 เขมรแดงได้รื้อถอนสังคมกัมพูชาเพื่อสร้างสังคมอุดมคติแบบชนบท และการพิจารณาคดีรอบใหม่นี้จะนำความยุติธรรมมาสู่คู่สามีภรรยาหลายหมื่นคู่ที่ถูกบังคับแต่งงาน ที่มักเป็นการสมรสหมู่ อันเป็นส่วนหนึ่งในแผนของเขมรแดง ที่ต้องการเพิ่มจำนวนประชากร ทั้งยังรวมถึงข้อหาการข่มขืนที่เกิดขึ้นจากการบังคับแต่งงานนี้ด้วย
       
ในการพิจารณาครั้งประวัติศาสตร์ดคีแรกของศาลเมื่อปี 2553 ศาลได้ตัดสินโทษจำคุก นายกาง กึ๊ก เอียว อดีตผู้บัญชาการเรือนจำตูลสเลง เป็นเวลา 30 ปี และภายหลังได้ปรับเพิ่มเป็นจำคุกตลอดชีวิต จากการเป็นผู้ควบคุมการเสียชีวิตของผู้คนกว่า 15,000 คน.
กำลังโหลดความคิดเห็น