ปักกิ่ง (รอยเตอร์) 27 ส.ค. - ประธานาธิบดีจีน นายสีจิ้นผิง บอกแก่ผู้แทนพิเศษจากเวียดนาม ในวันพุธ 27 ส.ค.นี้ว่า ทั้งสองประเทศควร “เป็นมิตรต่อกัน” เพื่อปรับความสัมพันธ์หลังเกิดการพิพาทเกี่ยวกับอธิปไตยในทะเลจีนใต้ สำนักข่าวซินหว่าของทางการจีนรายงาน
การเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของ พล.อ.เลห่งแอง สมาชิกคนคณะกรรมการกรมการเมืองที่ทรงอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม นับเป็นเครื่องหมายหนึ่งในความพยายามร่วมกันประสานรอยร้าวระหว่างสองประเทศ ที่มีมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็นเงินถึงปีละ 50,000 ล้านดอลลาร์
“(ข้าพเจ้า) หวังว่าเวียดนามจะพยายามร่วมกันกับจีนในการทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีกลับสู่ทิศทางแห่งการพัฒนาที่ถูกต้อง” ซินหว่าอ้างคำพูดที่ประธานาธิบดีสี บอกแก่ พล.อ.เลห่งแอง
“เพื่อนบ้านกันไม่อาจจะย้ายหนีไปจากกันได้ และเป็นประโยชน์ร่วมกันที่สองฝ่ายจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน”
สำนักข่าวซินหว่า ยังได้รายงานอ้างคำพูดของ นายหลิว อวิ่นซาน สมาชิกคณะกรรมการประจำ กรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่บอกแก่ผู้ไปเยือนก่อนหน้านั้นว่า สองฝ่ายควรจะทำให้สัมพันธ์ทวิภาคีกลับไปดีกันเช่นเดิม
“ความสัมพันธ์จีน-เวียดนามได้ตึงเครียด และยุ่งยากชั่วครั้งชั่วคราวซึ่งเราไม่ประสงค์จะได้เห็น” ซินหว่า อ้างคำพูดของนายอวิ่น ซึ่งกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า การเยือนของ พล.อ.เลห่งแอง นั้นได้สะท้อนถึง “ความตั้งใจทางด้านการเมืองในการปรับความสัมพันธ์ และพัฒนาความสัมพันธ์สองฝ่าย” ของรัฐบาลเวียดนาม
ตามข้อตกลงที่บรรลุร่วมกันระหว่างนายหลิว กับแขกผู้ไปเยือนนั้น ทั้งจีนและเวียดนามจะดำเนินการอย่างเอาจริงเอาจังตามแนวทางพื้นฐาน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาทางทะเลระหว่างจีนกับเวียดนามที่ลงนามกันในเดือนตุลาคม 2554 ซินหว่า กล่าว
ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะแสวงหาวิธีแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนที่สามารถยอมรับร่วมกันได้ ศึกษาการร่วมกันสำรวจในทะเลจีนใต้ และหลีกเลี่ยงปฏิบัติการใดๆ ที่จะทำให้ความขัดแย้งมีความยุ่งยากยิ่งขึ้น ซินหว่า กล่าว
ความสัมพันธ์ระหว่างสองเพื่อนบ้านคอมมิวนิสต์ตกลงถึงขีดต่ำสุดใน 3 ทศวรรษปีนี้ หลังจากจีนได้เคลื่อนแท่นขุดเจาะน้ำมันมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ เข้าไปในน่านน้ำที่เวียดนามกล่าวอ้างว่าเป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (200 ไมล์ทะเล) ของตน จีนได้เคลื่อนแท่นเจาะดังกล่าวออกไปเมื่อวันที่ 16 ก.ค. โดยอ้างว่าภารกิจลุล่วงเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ในช่วงเดือน พ.ค. การประท้วงที่หาได้ยากในเวียดนามซึ่งได้กลายเป็นความรุนแรง เกิดขึ้นในหลายจังหวัดที่เป็นเขตอุตสาหกรรม และการปะทะรุนแรงระหว่างคนงานชาวจีนกับชาวเวียดนามใน จ.ห่าตี๋ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 100 คน คนงานชาวจีนอีกราว 4,000 คน ต้องหนีออกจากเวียดนาม
เวียดนาม ซึ่งต้องพึ่งพาอาศัยจีนอย่างมากในด้านวัสดุสิ่งของที่ใช้ในแขนงการผลิตอุตสาหกรรม มีเหตุผลที่ดีทางด้านเศรษฐกิจในการปรับความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่ทางทิศเหนือ แต่อะไรก็ตามที่ถือเป็นการยอมอ่อนข้อให้แก่ปักกิ่งนั้น เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างลึกๆ ภายในประเทศ
กรณีพิพาทล่าสุดได้แสดงให้เห็นเวียดนามหันไปกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรอื่นๆ ที่มีความขัดแย้งทางทะเลกับจีนมากขึ้น ซึ่งรวมทั้งฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่นด้วย.