เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - หวั่นทนายนักสิทธิมนุษยชนชื่อดังของจีนถูกยัดข้อหาสมรู้ร่วมคิด หลังจากถูกตำรวจสอบปากคำอย่างละเอียด กรณีเขาพบปะกับอดีตทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่ง และการวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน รวมทั้งการเดินทางไปญี่ปุ่นบ่อยครั้ง
นายผู่ จื้อเฉียง ซึ่งเป็นนักวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลแดนมังกรอย่างตรงไปตรงมาผู้หนึ่ง ถูกตำรวจกรุงปักกิ่งจับกุมในข้อหาสร้างความวุ่นวาย และลอบเจาะข้อมูลส่วนบุคคลเมี่อเดือนมิ.ย . ที่ผ่าน โดยการจับกุมครั้งนี้ถูกคัดค้านจากกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนทั้งในจีนและชาติตะวันตก
นายจัง ซือจือ ซึ่งเป็นทนายความของนายผู่เกรงว่า ตำรวจกำลังพยายามนำเรื่องที่นายผู่พบกับนายแกรี่ ล็อก อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่ง มาเล่นงานเขา โดยอาจมีการตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับนายผู่ก็เป็นได้ โดยนายจังเปิดเผยเมื่อวันอังคาร ( 19 ส.ค.) ว่า ในการสอบปากคำ ตำรวจต้องการทราบว่า มีการพูดคุยอะไรกันบ้าง ทั้งที่ทางการทราบเรื่องการพบปะครั้งนี้มานานแล้ว ขณะที่นายล็อก ซึ่งลาออกจากตำแหน่งและเดินทางออกจากจีนเมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา อยากทราบทัศนะของนายผู่เกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนเท่านั้น
นอกจากนั้น ตำรวจยังสอบปากคำในเรื่องที่นายผู่โพสต์ข้อความในเว็บไซต์เวยปั๋ว และถูกกล่าวหาว่า ข้อความเหล่านี้เป็นการหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน อาทิ นายเหมา ซินอี่ว์ หลานชายของท่านประธานเหมา เจ๋อตง และปัจจุบันมียศนายพลตรีในกองทัพปลดปล่อยประชาชน ส่วนอีกคนหนึ่งได้แก่สมาชิกสภาประชาชน ซึ่งเป็นสตรี และเคยกล่าวต่อสาธารณชนว่า เธอไม่เคยออกเสียงคัดค้านในการประชุมสภาเลยสักครั้งเดียว รวมทั้งบทความวิจารณ์เจ้าหน้าที่ในกระทรวงการรถไฟ ซึ่งอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น
นายผู่ได้ยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้เขียนบทความเหล่านั้น แต่ไม่มีเจตนาหมิ่นประมาท
ทั้งนี้ หากเขาถูกศาลตัดสินว่า มีความผิดฐานหมิ่นประมาทจริง ก็อาจถูกลงโทษจำคุกขั้นสูงสุดถึง 10 ปี
ตำรวจยังสงสัยด้วยว่า เหตุใดเขาจึงเดินทางไปญี่ปุ่นถึงปีละ 4 ครั้ง นายผู่ชี้แจงว่า เนื่องจากบุตรชายของเขาเรียนหนังสืออยู่ที่นั่น
นายผู่ วัย 49 ปี เป็นนักกฎหมาย ซึ่งออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี และเป็นปากเสียงแทนนักต่อต้านชื่อดังหลายคน อาทิ นาย ไอ้ เว่ยเว่ย ศิลปินนักเคลื่อนไหว และนักเคลื่อนไหวของ “ขบวนการพลเมืองใหม่” ซึ่งเป็นกลุ่ม ที่เรียกร้องให้บรรดาผู้นำจีนเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน
ทนายจังระบุว่า คดีของนายผู่นี้เป็นเรื่องการเมืองอย่างชัดเจน เพื่อปิดปากพวก ที่ชอบวิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยตัวของนายผู่เองนั้นกล่าวว่า โอกาสจะชนะคดีมีน้อยเหลือเกิน