เอเอฟพี - สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ยกเลิกคำสั่งห้ามสายการบินของอเมริกาลงจอดที่สนามบินอิสราเอลแล้ว เมื่อค่ำวานนี้ (23) แต่ยังเตือนว่าสถานการณ์ “เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา” ท่ามกลางการต่อสู้ในฉนวนกาซาที่ยังคงดุเดือด และคร่าชีวิตพลเมืองปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 700 คนในรอบ 17 วัน
เมื่อวันอังคาร (22) เอฟเอเอได้ออกคำสั่งห้ามเที่ยวบินสหรัฐฯลงจอดที่เมืองหลวงอิสราเอล หลังจรวดที่ยิงโดยกลุ่มติดอาวุธในฉนวนกาซาลอยมาตกที่บ้านหนังหนึ่งทางด้านเหนือของสนามบินนานาชาติ เบน กูเรียน ในกรุงเทลอาวีฟ
คำสั่งดังกล่าวถูกขยายเวลาในช่วงเที่ยงของวันพุธ (23) ซึ่งประเทศยุโรปก็ได้ประกาศใช้มาตรการเดียวกัน
“สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ ได้ยกเลิกประกาศแจ้งนักบิน (NOTAM) ซึ่งห้ามมิให้เที่ยวบินของสหรัฐฯเข้าและออกจากสนามบินนานาชาติ เบน กูเรียน แล้ว” เอฟเอเอ ระบุในถ้อยแถลงล่าสุด ก่อนที่คำสั่งห้ามบินจะหมดอายุลงไม่กี่ชั่วโมง
เอฟเอเอชี้แจงว่า ทางสำนักงานได้ประเมินสถานการณ์ความมั่นคงในอิสราเอลร่วมกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และ “ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งในแง่ของข้อมูลใหม่ที่สำคัญ และมาตรการตอบสนองของรัฐบาลอิสราเอลเพื่อลดความเสี่ยงต่อเที่ยวบินพลเรือน”
อย่างไรก็ดี เอฟเอเอ ไม่ได้ให้รายละเอียดชัดเจนว่า “ข้อมูลใหม่” ที่ว่านั้นคืออะไร
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลยิวได้ออกมาเตือนผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวงจากการที่สายการบินทั่วโลกงดบินมาอิสราเอล พร้อมชี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะกลายเป็น “ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่” สำหรับกลุ่มติดอาวุธฮามาสซึ่งเปิดฉากยิงตอบโต้กับอิสราเอลมานานกว่า 2 สัปดาห์
ทั้งนี้ เอฟเอเอยืนยันว่า “จะจับตาสถานการณ์ความมั่นคงรอบสนามบิน เบน กูเรียน อย่างใกล้ชิด และหากมีความจำเป็นก็จะประกาศคำสั่งเพิ่มเติมในภายหลัง”
สถานการณ์ความรุนแรงในฉนวนกาซาตลอด 17 วันที่ผ่านมาได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วอย่างน้อย 718 คน โดยนักสิทธิมนุษยชนท้องถิ่นชี้ว่า เหยื่อกว่าร้อยละ 80 เป็นพลเรือนผู้บริสุทธิ์
ทางด้านอิสราเอลสูญเสียกำลังพลไป 32 นาย และมีพลเรือนยิวเสียชีวิต 2 คน นับตั้งแต่กองทัพอิสราเอลเริ่มปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินในวันที่ 17 กรกฎาคม