รอยเตอร์/เอเอฟพี - สายการบิน “ยูเอสแอร์เวย์ส” ของสหรัฐฯ มีแผนจะกลับมาให้บริการเที่ยวบิน ฟิลาเดลเฟีย-เทลอาวีฟ ตามปกติในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ค.) ภายหลังที่สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ประกาศห้ามบินไปยังเมืองหลวงของอิสราเอลชั่วคราว ในเวลาที่รัฐยิวกำลังทำสงครามดุเดือดกับปาเลสไตน์
สายการบินยูเอสแอร์เวย์สระบุในเว็บไซต์ว่า เที่ยวบิน 796 ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องออกจากเมืองฟิลาเดลเฟีย ในเวลา 21.10 น.ของวันนี้ (23) ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 08.10 น.ของวันพรุ่งนี้ (24) ในเมืองไทย) ถูกเปลี่ยนแปลงกำหนดการบินใหม่ในวันพรุ่งนี้ซึ่งจะเป็นผลให้เที่ยวบินนี้ไปถึงกรุงเทลอาวีฟล่าช้ากว่าเดิม 11 ชั่วโมง
สายการบินเจ้านี้ระบุเพิ่มเติมว่า เที่ยวบิน 797 ซึ่งแต่เดิมมีกำหนดออกจากกรุงเทลอาวีฟ ในเวลา 23.30 น.ของวันนี้ (23) ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 03.30 น.ของวันพรุ่งนี้ในเมืองไทย) ก็จะกลับมาให้บริการเช่นกัน แต่จะไปถึงฟิลาเดลเฟียช้ากว่ากำหนด 13 ชั่วโมง
ทั้งนี้ เที่ยวบินต่างๆ ของสายการบินยูเอสแอร์เวย์สที่มุ่งหน้าไปกรุงเทลอาวีฟ จะเทกออฟจากฟิลาเดลเฟียเท่านั้น
เป็นที่คาดหมายว่า สำนักบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ ซึ่งห้ามไม่ให้สายการบิน ยูเอส แอร์เวย์ส เดินทางไปยังกรุงเทลอาวีฟ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง จะออกมาแถลงความคืบหน้าของนโยบายภายหลัง ในวันนี้ (23)
่ก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลได้ออกปากขอร้องให้ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ช่วยให้เที่ยวบินพาณิชย์ที่มุ่งหน้าไปยังอิสราเอลของยูเอสแอร์เวย์ส กลับมาให้บริการตามปกติ ภายหลังที่สายการบินของหลายประเทศพากันระงับเที่ยวบินไปรัฐยิว เพราะเกรงจะได้รับอันตรายจากจรวด ที่กลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ ฮามาส ยิงโต้ตอบปฏิบัติการทหารของกองทัพยิว
เมื่อช่วงรุ่งสางวันนี้ (23) สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ได้สั่งระงับเที่ยวบินของสายการบินอเมริกันที่มุ่งหน้าไปยังอิสราเอล เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ภายหลังที่มีจรวดของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์พุ่งลงมาตกใกล้ท่าอากาศยานนานาชาติ เบน-กูเรียน บริเวณชานกรุงเทลอาวีฟ
เจ้าหน้าที่อิสราเอลเปิดเผยว่า เนทันยาฮู “ได้ร้องขอให้เคร์รีพยายามให้เที่ยวบินที่มุ่งหน้าไปยังอิสราเอลของ ยูเอส แอร์เวย์ส กลับมาให้บริการตามปกติ” ระหว่างที่บรรดานักการทูตสหรัฐฯ เดินทางไปอียิปต์เพื่อผลักดันการทำข้อตกลงพักรบในฉนวนกาซา
เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงยืนยันว่า นายกฯ อิสราเอล และเคร์รีสนทนากันถึงเรื่องนี้จริง พร้อมทั้งระบุว่าการที่เอฟเอเอประกาศห้ามเที่ยวบินอเมริกันมุ่งหน้าไปยังอิสราเอล ก็เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย และกำลังรอประเมินสถานการณ์ต่อไป
เมื่อถามว่า เนทันยาฮูขอให้สหรัฐฯ เพิกถอนคำสั่งห้ามบินหรือไม่ เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลประธานาธิบดีโอบามาคนหนึ่งกล่าวว่า เขาไม่ทราบ แต่ระบุเพิ่มเติมว่า “เราจะไม่ยกเลิกคำสั่งของเอฟเอเอ”
“ถ้าเอฟเอเอเตือนว่า สถานการณ์ตอนนี้เข้าขั้นอันตราย เราก็จะไม่สั่งว่า ‘อย่าประกาศเตือนการบินพลเรือน’ (อันที่จริง) เราเข้าใจว่าอิสราเอลเป็นกังวล และไม่ต้องการปิดเส้นทางจราจรทางอากาศไป (สนามบิน) เบน กูเรียน เรายังรอประเมินสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ (เมื่อ) มีจรวดตกลงมาห่างจากสนามบินไปไมล์เดียว นั่นคือการส่งสัญญาณเตือนอันตราย”
สหรัฐฯ ได้ออกมาสั่งห้ามเช่นนี้ ภายหลังที่หลายฝ่ายกล่าวหาว่า เที่ยวบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ถูกขีปนาวุธยิงตกในภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียปะทะกับทหารยูเครนบ่อยครั้ง จนจุดประกายให้หลายฝ่ายตื่นตัวเรื่องความปลอดภัยในการบินผ่านเขตสู้รบ
ทั้งนี้ เหตุการณ์คราวนี้นับเป็นหนแรก ที่มีหลายประเทศพร้อมใจกันประกาศมาตรการห้ามบิน นับตั้งแต่สมัยสงครามอ่าวเปอร์เซีย ในช่วงปี 1990-1991