ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ชาวฮานอยที่ตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียม หรืออพาร์ตเมนต์ติดกับสุสานเก่าแก่หลายแห่งในเมืองหลวง พากันประกาศขายห้องพักในราคาถูกๆ เนื่องจากไม่สามารถจะทนกับสิ่งที่ได้สัมผัส หรือพบเห็นในชีวิตประจำวันได้ หลังจากที่ได้ตัดสินใจซื้อเพราะได้รับทราบข้อมูลผิดๆ ว่า ทางการกำลังจะย้ายแหล่งฝังศพเหล่านี้ออกไปย่านนอกเมือง แต่ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป
“ตื่นแต่เช้ามืดแต่ก็ไม่กล้าโผล่ออกไปสูดอากาศที่ระเบียงเพราะกลัวจะเห็น...” เจ้าของห้องพักที่คอนโดฯ ข้างสุสานใน อ.หว่างมาย ของกรุงฮานอย บอกแก่โซฮาออนไลน์ หนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ภาษาเวียดนาม
“วันหยุดยิ่งแย่ใหญ่ จะมีคนเข้าไปจุดธูปในสุสานลอยฟุ้งราวกับเมฆฝน คนที่นอนอยู่ในหลุมไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่พวกเราสิสูดกลิ่นแทนแบบเต็มๆ” อีกคนหนึ่งกล่าว
“คืนวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง เราเคยคาดหวังว่าจะได้ออกไปยืนที่ระเบียงดูความสวยงามบนท้องฟ้า หรือออกไปนั่งนับดาวในคืนเดือนมืด แต่ในชีวิตจริงไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้” ...
“ตอนกลางวันค่อยยังชั่วหน่อย เพราะมีคนผ่านไปมาช่วยลดความตึงเครียดได้ แต่กลางคืนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ...
ทั้งหมดเป็นคำบอกเล่าคล้ายๆ กันของบรรดาผู้อาศัยใน “หลอนนิเวศน์” ทั้งหลาย ซึ่งหลายคนอยากจะขายออกเร็วๆ เพื่อย้ายไปอยู่ที่แห่งใหม่แม้จะดูซอมซ่อแค่ไหนก็ยังพอทน สื่อออนไลน์กล่าว
ไม่ไกลออกไปในเขต อ.ห่าโดง บ้านจัดสรรประเภทห้องชุดหลายโครงการก็มีสภาพคล้ายๆ กัน ผู้อาศัยหลายคนบอกว่า เมื่ออยู่ไปนานๆ ก็เริ่มจะชินกับคนตาย เพราะไม่เคยเห็นมีใครลุกขึ้นจากหลุมมาแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกหลอน แต่บางคนบอกว่า การอยู่ในทำเลแบบนั้นมีผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด รวมทั้งบรรดาญาติพี่น้องที่เริ่มห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด หลายคนหายหน้าไป หลายคนเมื่อไปเยี่ยมเยือนก็มักจะรีบไปรีบกลับ เพราะไม่ชินกับสภาพรอบข้าง
หลายคนบอกว่า เหตุที่ซื้อห้องชุดในทำเลนี้ก็เนื่องจากเห็นว่าราคาต่ำกว่าที่อื่นๆ ในย่านเดียวกัน
หลายปีมานี้ เมืองหลวงของเวียดนามขยายตัวใหญ่โตขึ้น หลังจากได้รวมเอาหลายอำเภอของจังหวัดปริมณฑลเข้าด้วยกันเพื่อให้เป็นมหานคร เมื่อประชากรมากขึ้นที่อาศัยก็มีจำกัดลงเรื่อยๆ การที่จะต้องอยู่ใกล้ๆ กับผู้วายชนม์จึงเป็นสถานการณ์ที่หลักเลี่ยงได้ยาก โฮจิมินห์ นครใหญ่ทางภาคใต้หลายอำเภอก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
หลายปีก่อนข่าวเกี่ยวกับแผนการโยกย้ายสุสานเก่าแก่ออกนอกเมือง ทำให้บรรดาบริษัทบ้านจัดสรร หรือนักพัฒนาที่ดินจมูกไวทั้งหลายเข้าจับจองพื้นที่ใกล้เคียงเอาไว้เป็นทำเลทองในอนาคต และเมื่อผุดโครงการขึ้นแล้วก็ได้ป่าวประกาศแผนการของรัฐบาลออกไปเป็นการเพิ่มมูลค่า ส่วนผู้บริโภคเมื่อจำเป็นจะต้องขยับขยายสร้างรังใหม่ ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยเป็นชนชั้นกลางรุ่นใหม่ที่ต้องการบ้านหลังแรก ก็เชื่อตามนั้น
อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ได้เปลี่ยนไป ทางการกรุงฮานอย กล่าวว่า การหาผืนดินนอกเมืองเนื้อที่หลายหมื่นตารางเมตรเพื่อย้ายสุสานออกไปนั้นเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ เพราะไม่ว่าจะขยับไปที่ไหนก็จะเจอกับเขตอุตสาหกรรมชานเมือง หรือไม่ก็เป็นที่นาของราษฎรซึ่งกลายเป็น “พื้นที่สงวน” ตามนโยบายของรัฐบาล
ไม่เพียงแต่ข้างๆ สุสานใหญ่แห่งต่างๆ จะเต็มไปด้วยอาคารห้องชุดเท่านั้น หลายแห่งยังรวมทั้งบ้านระดับวิลลาด้วย หลังจากทราบข่าวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายแล้ว โครงการบ้านหรูต่างๆ ได้พยายามแก้ปัญหาให้แก่ลูกค้า บ้างก็ต่อกำแพงด้านที่ติดกับสุสานให้สูงขึ้น บ้างก็ปลูกต้นไม้ให้หนาเพื่อบดบังทัศนียภาพอันไม่พึงประสงค์
แต่ที่ชั้นบนของอาคารสูง ... บรรยากาศก็ยังเต็มไปด้วยความเย็นเยือกขนหัวลุกอยู่ดี.
.
2
3
4