ศูนย์ข่าวศรีราชา - ปปง. ร่วมกับดีเอสไอ อัยการสูงสุด และตำรวจ บุกจับชาวเนเธอร์แลนด์กับเมียไทย ค้ากัญชาแล้วนำเงินมาฟอกในไทย อายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ไว้ตรวจสอบ
วันนี้ (23 ก.ค.) นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์กูล อธิบดีอัยการ นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายเพิ่มพูน พึ่งประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พ.ต.อ.สิงหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. และ พ.ต.อ.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นำกำลังพร้อมหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 113/1 ซอยสนามกอล์ฟฟินิกส์ หมู่ 10 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
หลังได้รับการประสานจากทางการเนเธอร์แลนด์ ว่า นายโจฮันเนส เปทรัส มาเรีย ฟาน ลาร์โฮเฟิน หรือโยฮัน อายุ 53 ปี สัญชาติเนเธอร์แลนด์ กับพวก มีพฤติกรรมค้ายาเสพติดข้ามชาติ และกระทำความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน
โดยสถานที่ตรวจค้นเป็นบ้านหรู 2 ชั้น 2 หลัง ปลูกอยู่ในพื้นที่กว่า 2 ไร่ ภายในบ้านหลังแรกพบนายโจฮันเนส กับนางมิ่งขวัญ แก่นอิน อายุ 35 ปี ภรรยาชาวไทย นั่งอยู่ในห้องรับแขกจึงได้ควบคุมตัวไว้ พร้อมตรวจค้นพบทรัพย์สินเป็นเงินสดจำนวนหนึ่ง เครื่องประดับ ทองรูปพรรณ และอาวุธปืน 2 กระบอก และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 48 วรรค 2 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 2542 อายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ 14 รายการ ทั้งบ้านพัก โฉนดที่ดิน รถยนต์ บัญชีธนาคาร มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ปปง.ได้รับการประสานข้อมูลจากทางการประเทศเนเธอร์แลนด์ ว่า นายโจฮันเนส มีพฤติกรรมค้ากัญชาที่เนเธอร์แลนด์ โดยไม่ได้รับอนุญาต มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 โดยจะเปิดร้านกาแฟบังหน้า มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ แล้วลักลอบปลูกกัญชาในห้องใต้ดิน บางส่วนได้สั่งซื้อมาจากประเทศในแถบเอเชีย จากนั้นจึงเดินทางมาเปิดบริษัททำธุรกิจในประเทศไทย เพื่อทำการฟอกเงิน โดยซื้อที่ดิน บ้าน รถยนต์ และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ
ในแต่ละปี นายโจฮันเนส กับพวกมีรายได้ 5-6 ร้อยล้านบาท จึงรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายค้น และจับกุมตัวสองสามี-ภรรยาไว้ พร้อมอายัดทรัพย์สินทั้งหมดไว้ตรวจสอบ
การจับกุมในครั้งนี้ เป็นการวางแผนปฏิบัติการพร้อมกันทั้งในประเทศไทย และเนเธอร์แลนด์ รวมทั้งประเทศอื่นที่มีเครือข่ายค้ายาเสพติด และฟอกเงินขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาตินี้อาศัยอยู่ ในส่วนของ นายโจฮันเนส และนางมิ่งขวัญ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีในข้อหาเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่กระทำความผิดฐานค้ายาเสพติดและฟอกเงินข้ามชาติ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
หลังจากดำเนินคดีในประเทศไทยแล้ว จะได้ทำการส่งตัวไปให้ทางการเนเธอร์แลนด์ ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป