เอเอฟพี - ความนิยมที่หยัดยืนยาวนานของเมนู “เสือน้อย” ที่เป็นกับแกล้มระหว่างดื่มเบียร์ในเวียดนาม หมายความว่า เจ้าของแมวต้องตกอยู่ในความหวาดระแวงว่าสัตว์เลี้ยงของตัวเองอาจถูกขโมยได้ แม้จะมีคำสั่งห้ามจากทางการก็ตาม
ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงฮานอย แมวกำลังถูกเตรียมเพื่อนำไปทำเป็นอาหารให้แก่ลูกค้า ผ่านขั้นตอนถ่วงน้ำ โกนขน เผาเอาขนที่้เหลือออก ก่อนนำไปชำแหละ และนำไปปรุงอาหารเช่นผัด หรือทอดกับกระเทียม
“ผู้คนจำนวนมากทานเนื้อแมว มองว่าเป็นความแปลกใหม่ พวกเขาต้องการลองชิม” โต วัน ยวุ๋ง ผู้จัดการร้าน กล่าว
เวียดนามไม่อนุญาตให้ทานเนื้อแมว ในความพยายามที่จะสนับสนุนให้เจ้าของเลี้ยงแมวเพื่อควบคุมบรรดาประชากรหนูในเมืองหลวง แต่ยังคงมีร้านอาหารหลายสิบแห่งที่เสิร์ฟเมนูเนื้อแมว และเป็นเรื่องยากที่จะเห็นแมวเดินเตร่อยู่ตามท้องถนนในกรุงฮานอย เจ้าของสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่มักเลี้ยงไว้ภายในบ้าน หรือผูกไว้ด้วยความกลัวว่าจะถูกขโมย
แต่ด้วยปริมาณความต้องการจากบรรดาร้านอาหารที่เพิ่มสูง ทำให้บางครั้งมีการลักลอบนำเข้าแมวข้ามพรมแดนจากฝั่งไทย และลาว
หยุ๋ง กล่าวว่า เขาไม่เคยมีปัญหากับกฎหมาย เพราะซื้อแมวจากผู้เพาะพันธุ์ท้องถิ่น หรือคนค้าแมว ที่ตรวจสอบแหล่งที่มาเพียงเล็กน้อย
เมนู “เสือน้อย” มักได้รับความนิมยมทานกันในช่วงต้นเดือน ต่างจากเนื้อสุนัขที่มักทานกันตอนปลายเดือน และในบางครั้ง ร้านอาหารเสิร์ฟเมนูแมวให้แก่ลูกค้ามากถึง 100 คน
“ผมรู้ว่าในสหรัฐฯ และอังกฤษ พวกเขาไม่ทานเนื้อแมวกัน แต่ที่นี่ทาน ผมไม่ชอบฆ่าแมว แต่ที่นี่มีขายผมเลยชอบมาทาน” เหวียน ดิ่ง เต อายุ 44 ปี กล่าวขณะเคี้ยวเนื้อแมวทอด
ฮว่าง หงอค เบือ สัตวแพทย์จากกรุงฮานอย กล่าวว่า ความโปรดปรานของชาวเวียดนามในการทานเนื้อสัตว์ที่ถูกมองว่าเป็นสัตว์เลี้ยงในหลายประเทศ ส่วนใหญ่เป็นผลจากสถานการณ์
“เวียดนามเคยยากจนมากมาก่อน เราอยู่ในภาวะสงครามเป็นเวลายาวนาน เราทานทุกอย่างที่สามารถทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ไม่ว่า แมลง สุนัข แมว แม้กระทั่งหนู จนกลายเป็นนิสัย” เบือ กล่าว พร้อมเล่าว่า เขาตัดสินใจที่จะเป็นสัตวแพทย์เพราะในวัยเด็ก สุนัขที่เลี้ยงไว้ช่วยชีวิตเขาจากงูมีพิษ
“จากวันนั้น ผมก็เป็นหนี้ชีวิตต่อบรรดาสุนัข” ชายวัย 63 ปี กล่าว
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อทัศนคติทางสังคม และวัฒนธรรมในช่วงไม่กี่ทศวรรษของประเทศคอมมิวนิสต์ที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ทำให้จำนวนชาวเวียดนามที่แบ่งปันความรักต่อสัตว์เลี้ยงมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่นิสัยการกินเก่าๆ ยังไม่จางหายไป ทำให้บรรดาเจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องต่อสู้เพื่อปกป้องเพื่อน 4 ขา ให้พ้นจากหม้อต้ม
“ไม่มีใครเพาะสุนัข หรือแมวเพื่อฆ่า สัตว์เกือบทั้งหมดที่อยู่ในร้านอาหารถูกขโมยมา หรือไม่ก็ติดกับดัก สำหรับผม และคนรักสัตว์คนอื่นๆ ในเวียดนาม พวกมันคือเพื่อนที่ดีที่สุด” เบือ กล่าาว
แต่บางคนก็เลี้ยงแมวเพื่อจุดประสงค์ที่ต่างออกไป เช่น เล หงอค เทียน เชฟร้านอาหารที่เสิร์ฟเนื้อแมวในกรุงฮานอย เลี้ยงแมวเป็นสัตว์เลี้ยง แต่เมื่อแมวโตเต็มวัยก็นำไปทำอาหาร และหาแมวตัวใหม่มาเลี้ยง เป็นวงจรไปเรื่อยๆ
“พอแมวเริ่มแก่ เราก็ฆ่ามันเพราะมันเป็นวิถีปฏิบัติที่พอแมวแก่ เราก็จำเป็นต้องเปลี่ยนหาแมวตัวใหม่มาเลี้ยง ตอนที่ผมเริ่มทำงานที่ร้านอาหารนี่ครั้งแรก ผมแปลกใจมากที่หลายคนทานเนื้อแมว และความต้องการเพิ่มสูงขึ้นทุกปี การกินเนื้อแมวนั้นดีกว่ากินเนื้อสุนัข เพราะเนื้อหวานกว่า และนุุ่มกว่าเนื้อสุนัขมาก” เทียน กล่าว
แมวมีราคาขายกันอยู่ประมาณ 50-70 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับขนาด และวิธีชำแหละ
เจ้าของสัตว์หลายคนรู้สึกเบื่อหน่ายกับความเสี่ยงในการปล่อยแมวออกไปนอกบ้าน ดังเช่นเจ้าของร้านอาหารในกรุงฮานอย ที่เลี้ยงแมวไว้จับหนู แต่ต้องคอยเปลี่ยนแมวอยู่เป็นประจำ
“ครอบครัวของเรารู้สึกเสียใจเพราะเราใช้เวลา และพลังงานไปกับการเลี้ยงแมวของเรา แต่เมื่อเราต้องเสียมันไป เรารู้สึกเจ็บปวด” ถวี กล่าว ขณะที่ลูกแมวที่เพิ่งซื้อมาใหม่วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ.
.
เมนู “เสือน้อย” Agence France-Presse.
1
2
3
4