เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ตำรวจพม่ายกโล่ขึ้นป้องขวดน้ำพลาสติกที่ถูกผู้ชุมนุมประท้วงที่โกรธแค้นขว้างใส่ แต่การปะทะกันนี้เป็นเพียงแค่การฝึกซ้อมเท่านั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามที่จะกำจัดภาพลักษณ์สมัยรัฐบาลเผด็จการทหารที่รุนแรง ด้วยความช่วยเหลือจากผู้ฝึกอบรมจากสหภาพยุโรป
ในวานนี้ (20 ก.พ.) สหภาพยุโรปได้จัดแสดงผลการฝึกอบรมรอบแรกต่อสำนักงานตำรวจพม่า ที่มีเป้าหมายให้ความสำคัญกับประเด็นสิทธิมนุษยชนในด้านการปฏิบัติการ และเทคนิคที่ทันสมัย โดยโครงการได้ฝึกอบรมเทคนิคการจัดการกับฝูงชนให้กับเจ้าหน้าที่ 1,419 นาย
การฝึกอบรมครั้งนี้มีขึ้นหลังเกิดเหตุความไม่สงบทางศาสนา และการปราบปรามการประท้วงที่นำมาซึ่งข้อกล้าวหาต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่ได้ปฏิรูปหน่วยงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศ
“เราพยายามให้ความคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นคือการอยู่ข้างประชาชน ไม่ใช่รบกวนประชาชน ไม่ใช่ทำร้ายประชาชน แต่เพื่อคุ้มครองประชาชนของประเทศ” โรแลนด์ โคเบีย ทูตสหภาพยุโรป กล่าว
พม่าหลุดพ้นจากการปกครองของทหารที่ยาวนานหลายทศวรรษ ในปี 2554 เมื่อรัฐบาลชุดใหม่เข้าบริหารประเทศภายใต้การนำของประธานาธิบดีเต็งเส่ง ที่ได้ดำเนินการปฏิรูปหลายด้าน รวมทั้งการปล่อยตัวนักโทษการเมืองหลายร้อยคน และการต้อนรับนางอองซานซูจี ผู้นำฝ่ายค้านเข้าสู่รัฐสภา
แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเผชิญกับความท้าทายจำนวนมาก เมื่อสังคมได้สลัดโซ่ตรวนการควบคุมของกองทัพ ด้วยการจัดชุมนุมประท้วงซึ่งที่เกิดขึ้นทั่วไปในเวลานี้
การโจมตีที่ผิดพลาดในที่ชุมนุมประท้วงเหมืองทองแดง เมื่อเดือน พ.ย.2555 ได้จุดกระแสความไม่พอใจของประชาชน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ฟอสฟอรัสต่อผู้ชุมนุม ซึ่งทำให้มีพระสงฆ์และชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่ล้มเหลว หรือแม้แต่ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในความรุนแรงระหว่างศาสนาที่เกิดขึ้นเมื่อช่วง 2 ปีก่อน
“มีหลายสิ่งยังไม่สอดคล้องกับสิทธิมนุษยชนในช่วงที่ผ่านมา แต่หลังจากรับการฝึกอบรม เรารู้วิธีที่จะเคารพต่อสิทธิมนุษยชน วิธีคิดของเราได้เปลี่ยนไป และตอนนี้เรารู้ว่าเราทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน” เจ้าหน้าที่ที่เข้ารับการฝึกอบรมชุดแรก กล่าว
โครงการฝึกอบรมของสหภาพยุโรปมูลค่า 13 ล้านดอลลาร์ จะดำเนินต่อไปจนถึงเดือน มี.ค.2558 และมีเป้าหมายที่จะฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้ได้ทั้งหมด 4,000 นาย โดยในโครงการยังมุ่งเน้นไปที่การดูแลรักษาความสงบในชุมชน การปฏิรูปกฎหมาย และความพยายามที่จะปรับปรุงความร่วมมือกับสื่อ และกลุ่มประชาสังคม
โคเบีย กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจของสังคมต่อตำรวจและเจ้าหน้าที่โดยทั่วไป รวมทั้งรัฐบาล.