xs
xsm
sm
md
lg

อดีตแกนนำเขมรแดงร้องศาลยกโทษพ้นผิดทุกข้อหา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033>นายนวน เจีย ขณะนั่งอยู่ภายในห้องพิจารณาคดีของศาลเขมรแดงในกรุงพนมเปญ วันที่ 31 ต.ค. โดยอดีตแกนนำเขมรแดงรายนี้ได้กล่าวแสดงความรู้สึกเสียใจต่อบรรดาเหยื่อภายใต้การปกครองของเขมรแดง แต่ร้องศาลให้ยกเว้นความผิดของตนโดยระบุว่าตนเองนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์.--AFP Photo/ECCC/Mark Peters.</font></b>

เอเอฟพี - อดีตแกนนำเขมรแดงแสดง “ความรับผิดชอบทางศีลธรรม” ในวันนี้ (31) ต่อเหยื่อเขมรแดง แต่เรียกร้องให้ศาลที่สหประชาชาติให้การสนับสนุน ตัดสินให้ตนเองพ้นโทษการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

อัยการร้องขอให้ศาลตัดสินโทษสูงสุดด้วยการจำคุกตลอดชีวิตต่อ นายนวน เจีย หรือที่รู้จักในฉายา “สหายหมายเลข 2” อายุ 87 ปี และนายเขียว สัมพัน อดีตประธานแห่งรัฐ อายุ 82 ปี จากบทบาทหน้าที่ในช่วงการปกครองของเขมรแดงที่เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 2 ล้านคน ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970

นายนวน เจีย กล่าวต่อศาลในการแถลงปิดสุดท้ายก่อนศาลตัดสินโทษว่า เขาดำเนินการตามหน้าที่ในการรับใช้ชาติ และประชาชนอันที่เป็นที่รัก

“ผ่านการพิจารณาคดีนี้ มันเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผมไม่ได้มีส่วนร่วมในคณะใดๆ ของการก่ออาชญากรรมดังที่ถูกอัยการร่วมกล่าวหา กล่าวสั้นๆ คือ ผมบริสุทธิ์ในความสัมพันธ์ต่อข้อกล่าวหาเหล่านั้น” นายนวน เจีย กล่าว และยังได้กล่าวโทษทุกสิ่งว่า เป็นความผิดของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาที่ทรยศ

งอ อัน อายุ 69 ปี ที่สูญเสียญาติพี่น้องมากกว่า 10 คน รวมทั้งลูกอีก 3 คน ภายใต้ยุคเขมรแดง กล่าวว่า นายนวน เจีย เป็น “คนขี้ขลาด” ที่ไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง

“ผมรู้สึกโกรธมากกับสิ่งที่เขาพูดออกมา เขาต้องถูกจำคุกตลอดชีวิต” นายงอ อัน กล่าว หลังเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดี

จำเลยทั้ง 2 คน ได้ยืนยันว่า พวกเขาไม่ทราบถึงการทารุณกรรมที่เกิดขึ้นในยุคเขมรแดง

“ผมต้องการที่จะแสดงความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง และความรับผิดชอบทางศีลธรรมต่อเหยื่อและประชาชนชาวกัมพูชาที่ต้องทุกข์ทรมานจากการปกครองของเขมรแดง” นายนวน เจีย กล่าว

แต่ นายนวน เจีย ได้กล่าวเพิ่มว่า จากหลักฐานที่ปรากฏในศาล เขาขอร้องต่อศาลให้ยกเว้นความผิดของเขาจากข้อกล่าวหาทั้งหมด พร้อมทั้งปล่อยตัว

คดีความที่มีความซับซ้อนของอดีตแกนนำเขมรแดงที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ถูกแบ่งการพิจารณาออกเป็นคดีย่อยๆ โดยในเบื้องต้น มุ่งไปที่การพิจารณาคดีเกี่ยวกับการบังคับอพยพประชาชนออกจากเมืองไปยังค่ายแรงงานในชนบท และเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

ประชาชนมากกว่า 2 ล้านคนถูกขับไล่ออกจากกรุงพนมเปญ เดินขบวนโดยมีปืนจี้ไปยังค่ายแรงงานในชนบท ในเดือน เม.ย. พ.ศ.2518 นับเป็นหนึ่งในการบังคับย้ายถิ่นผู้คนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่

จำเลยต่างปฏิเสธข้อหาการก่ออาชญากรรมสงคราม การก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่สร้างความผิดหวังให้แก่บรรดาผู้รอดชีวิต และญาติของเหยื่อที่เสียชีวิต

“เราไม่สามารถยอมรับคำขอโทษของเขาได้ เขาโกหกพวกเรา เขาต้องการที่จะพ้นผิด เขาไม่ได้สนใจคนอื่นเลย หากเขาไม่ได้สั่งการ ลูกน้องของเขาคงไม่กล้าลงมือฆ่า” นางบิน สิลา อายุ 55 ปี ที่สูญเสียญาติพี่น้องไปถึง 11 คน ในช่วงเขมรแดง กล่าวและเปรียบแกนนำเขมรแดงว่าเลวร้ายยิ่งกว่าอสุรกาย เพราะอสุรกายฆ่าคนไม่กี่คน แต่เขมรแดงฆ่าคนหลายล้านคน

การแถลงปิดการพิจารณาคดีมีกำหนดเสร็จสิ้นในวันนี้ (31) และคาดว่าการพิพากษาตัดสินจะมีขึ้นในครั้งแรกของปี 2557.
กำลังโหลดความคิดเห็น