xs
xsm
sm
md
lg

วาระสุดท้าย “ฆาตกรอ่าวตังเกี๋ย” เรือยักษ์ฟอเรสตัลราคาแค่ 1 เซ็นต์ขายเป็นเศษเหล็ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033>เรือฟอเรสตัล (USS Forrestal CV-59) แล่นเข้าทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในเดือน ธ.ค.2510 เพื่อปฏิบัติการในสังกัดกองทัพเรือที่ 6 ของสหรัฐในช่วงโน้น หลังซ่อมแซมแล้วเสร็จจากเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ขณะปฏิบัติการในสงครามเวียดนาม วาระสุดท้ายของ ฆาตกรแห่งอ่าวตังเกี๋ย เรือรบเกรียงไกรที่สุดลำหนึ่งมาถึงเมื่อวันที่ 22 ต.ค.นี้ เมื่อกองทัพเรือตัดสินใจส่งให้บริษัทรีไซเคิ้ลคู่สัญญาในรัฐเท็กซัสนำไปย่อยทำเศษโลหะ กาลอวสานต์ถูกกำหนดขึ้นปลายปีนี้หรือ 60 ปีหลังจากรับใช้กองทัพเรือและเคยแล่นเข้าสู่ทุกน่านน้ำทั่วโลก.</b>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ในยุคหนึ่งยูเอสเอสฟอเรสตัล (USS Forrestal CV-59) เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ และในโลก เคยเป็นป้อมปราการยักษ์ลอยน้ำน่าเกรงขามมากที่สุด และมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในช่วงครามเวียดนาม เคยถูกสื่อของทางการคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือเรียกว่า “ฆาตกรแห่งอ่าวตังเกี๋ย” แต่ในสัปดาห์นี้ หลังจากรับใช้กองทัพเรือสหรัฐฯ เป็นเวลา 60 ปี เรือยักษ์ถูกขายทิ้งด้วยราคาเพียง 1 เซ็นต์ หรือราว 32 สตางค์ เพื่อนำไปทำเป็นเศษเหล็ก

กองทุนในรูปมูลนิธิแห่งหนึ่งที่ดูแลเรือปลดระวางประจำการลำนี้ ได้ตัดสินใจขายเรือฟลอเรสตัลให้แก่กลุ่มบริษัทออลสตาร์มีทัลส์ (All Star Metals Llc) ในเมืองบราวน์สวิลล์ (Brownsville) รัฐเทกซัส ในราคา 1 เซ็นต์ มีการประกาศเรื่องนี้ ในเว็บไซต์ของบริษัทวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา

ออลสตาร์มีทัลส์ เป็นบริษัทลูกของสแคร็ปมีทัลส์ เซอร์วิสเซส (Scrap Metal Services) ซึ่งเป็นคู่สัญญากับกองทัพเรือสหรัฐฯ เพื่อการย่อยทำลายเรือทุกชนิดที่ปลดประจำการทำเป็นโลหะสำหรับรีไซเคิล และรักษาสภาพแวดล้อม

ตามประวัติอย่างเป็นทางการ เรือฟอเรสตัล ต่อโดยอู่ต่อเรือใหญ่แห่งหนึ่งทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ทำพิธีปล่อยลงน้ำวันที่ 11 ธ.ค.2497 เข้าประจำการในปีถัดมา

นิตยสารป็อปปูลาร์ไซน์ซ (Popular Science) ที่มีอิทธิพลบรรยายว่า ฟอเรสตัล เป็นเรือรบลำใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างขึ้นมาในโลกนี้ ด้วยระวาง 56,000 ตัน ความยาวตลอดลำ 317 เมตร ใช้ลูกเรือถึง 3,500 คน บรรทุกอากาศยานทุกชนิดได้กว่า 80 ลำ ต้องใช้วิศวกรกับคนงานกว่า 16,000 คนในการก่อสร้าง ด้วยมูลค่า 217 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน

ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการขับเคลื่อนเช่นเดียวกับเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ทุกลำในยุคใหม่ แต่ฟอเรสตัล ก็ใช้ระบบดีด (Catapult) อันทันสมัยที่ใช้พลังงานจากไอน้ำเช่นเดียวกันกับในวันนี้

ระบบดีดตัวถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยเครื่องบินบินขึ้นจากชั้นดาดฟ้าด้วยความเร็วสูงในระยะทางสั้นๆ ซึ่งเป็นเทคนิคลำหน้ามากที่สุด ปัจจุบัน จีนกำลังทดลองทำบ้างเพื่อติดตั้งบนเรือบรรทุกเครื่องบินสร้างเองลำแรกที่ต่ออยู่ในขณะนี้

ระบบนี้ยังใช้บนเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ทุกลำในปัจจุบัน โดยใช้ไอน้ำที่มีเหลือเฟือจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อันเป็นขุมพลังงานในการขับเคลื่อนเรือ

ยูเอสเอสฟอเรสตัล ปลดระวางประจำการในปี พ.ศ.2537 และถูกย้ายออกจากฐานทัพเรือนอร์ฟอล์ก เวอร์จิเนีย ไปจอดในอ่าวนิวพอร์ต รัฐโรดไอส์แลนด์ ต่อมา ในปี 2553 ถูกลากไปยังอู่ต่อเรือแห่งหนึ่งในฟิลาเดลเฟีย เพนซิลเวเนีย กองทัพเรือสหรัฐฯ หวังจะบริจาคให้แก่กองทุนเรือองค์การแห่งใดแห่งหนึ่งที่ประสงค์จะใช้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นมาการรณรงค์หาทุนดำเนินการไม่เคยประสบความสำเร็จ และไม่มีหน่วยงานใดสนใจเนื่องจากจะมีค่าฟื้นฟูบูรณะ กับค่าบำรุงรักษาสูงมาก

กองทัพเรือพร้อมจะบริจาคให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพื่อนำไปทำปะการังเทียมในทะเลในเขตที่อยู่ไกลจากนักประดาน้ำเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัย และแพร่พันธุ์ของปลา แต่ก็ต้องใช้เงินดำเนินการอีกมากมาย และไม่มีหน่วยใดอาสา
.

2
<bR><FONT color=#000033>เป็นลำแรกของเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นฟอเรสตัลที่มีทั้งหมด 4 ลำ เข้าประจำการเดือน ต.ค. 2498 ปลดเดือน ก.ย.2546 ถูกขายไปย่อยเป็นเศษเหล็ก 22 ต.ค.2556 มีกำหนดปลายปีนี้ ขนาดระวาง 59,650 ตัน และ 81,101 ตันเมื่อบรรทุกน้ำหนักเต็มที่ ยาว 325 เมตร กว้างสุด 72.5 เมตร เป็นเรือรบใหญ่ที่สุดในโลกยุคนั้น บรรทุกเครื่องบินกว่า 80 ลำ เป็นลำแรกที่ใช้ระบบดีด (Catapult) ส่งเครื่องบินโดยใช้แรงดันจากไอน้ำ และมีชื่อเสียงกระฉ่อนโลกจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในอ่าวตังเกี๋ยวเมื่อเดือน ก.ค.2510.</b>
3
.

กองทุนที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อรณรงค์เรื่องนี้จึงเปลี่ยนใจ และวาระสุดท้ายของเรือรบยิ่งใหญ่ที่สุดอีกลำหนึ่งของโลกที่ตกอับก็มาถึง เรือจะถูกลากไปยังมลรัฐเทกซัสสิ้นปีนี้ กลายเป็นเศษเหล็ก เรือชั้นฟอเรสตัล ลำอื่นๆ อีก 2-3 ลำก็จะมีอนาคตไม่ต่างกัน

ฟอเรสตัล ได้ชื่อเป็น “ปราการยักษ์ลอยน้ำ” (Super Carrier) เคยมีบทบาทในสงครามกับความขัดแย้งครั้งสำคัญมาทั่วโลก รวมทั้งในเหตุการณ์สำคัญที่เรียกว่า “วิกฤตการณ์คลองสุเอซ” ปี พ.ศ.2499 ซึ่งเป็นสงครามระหว่างอียิปต์ และปาเลสไตน์ฝ่ายหนึ่ง กับอิสราเอล อังกฤษและฝรั่งเศสอีกฝ่ายหนึ่ง

ครั้งนั้น ประธานาธิบดีอับเดล นัสเซอร์ แห่งอียิปต์ ซึ่งหันไปมีความใกล้ชิดกับสหภาพโซเวียตประกาศยึดเส้นทางเดินเรือเชื่อมทวีป และมหาสมุทรสายสำคัญนี้เป็นของรัฐบาล

เรือยูเอสเอสฟอเรสตัล เคยแล่นไปทุกน่านน้ำทั่วโลก รวมทั้งครั้งหนึ่งที่ไปถึงทะเลน้ำแข็งแถบขั้วโลกเหนือ ซึ่งแสดงให้เห็นความคงทน กับประสิทธิภาพยืนยันว่ามันสามารถทำการรบได้ในทุกๆ ที่แม้ว่าจะเคยเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงหลายครั้งทั้งถูกไฟไหม้ และเหตุเครื่องบินตก และผ่านการซ่อมใหญ่มาหลายครั้งก็ตาม

เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ชื่อ “ฟลอเรสตัล” โด่งดังไปทั่วโลกก็คือ ไฟไหม้ครั้งใหญ่ขณะปฏิบัติการอยู่นอกเขตน่านน้ำเวียดนามเหนือ ในอ่าวตังเกี๋ยในเดือน ก.ค.2510

มีบันทึกว่าในเวลาแค่ 4 วันช่วงเดือนนั้น เครื่องบินแบบ A-4 “เหยี่ยวเวหา” (Skyhawk) กับ F-4 “แฟนทอม” (Phantom) จากเรือฟอเรสตัล ได้บินโจมตีทิ้งระเบิดทำลายเป้าหมายต่างๆ ในเวียดนามเหนือรวม 150 เที่ยว ซึ่งสื่อของทางการคอมมิวนิสต์กล่าวว่า ทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

สถานการณ์อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่านั้น ถ้าหากไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเสียก่อน...

ในวันที่ 29 ก.ค. ได้เกิดการระเบิดบนดาดฟ้าเรือฟลอเรสตัล ทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่สุด เมื่อจรวดลูกหนึ่งบนเครื่องบิน F-4 ลำหนึ่งขณะเตรียมออกปฏิบัติการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรจุดชนวนเอง จรวดพุ่งไปชนเข้ากับถังน้ำมันของ “สกายฮอว์ก” ลำหนึ่งซึ่งจอดอยู่ห่างออกไป และติดอาวุธเต็มที่ในสภาพเตรียมออกปฏิบัติการเช่นกัน

เหตุเกิดในขณะที่ เรือโทหนุ่มจอห์น เอส แม็คเคน (John S McCain III) เป็นผู้ช่วยนักบินอยู่บนสกายฮอว์กลำนั้น ต่อมา แม็คเคน คนเดียวกันนี้ถูกจับเป็นเชลยเมื่อเครื่องบินอีกลำหนึ่งถูกยิงตกขณะปฏิบัติการทิ้งระเบิดเหนือกรุงฮานอย และถูกคุมขังในเรือนจำ “ฮานอยฮิลตัน” อันเลื่องลือนานถึง 4 ปี .. ซึ่งก็คือ วุฒิสมาชิกจอห์น แม็คเคน ในปัจจุบันที่ครั้งหนึ่งเคยลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ถังน้ำมันใต้ปีกที่บรรจุ 400 แกลลอนลุกเป็นไฟโชติช่วงลามไปยังส่วนอื่นๆ ของเรือ เกิดระเบิดดังสนั่นติดต่อกันเป็นระลอก ไฟไหม้กินเวลานาน 4 ชั่วโมง มีผู้เสียชีวิต 134 คน บาดเจ็บอีกกว่า 300 คน เครื่องบินถูกทำลายเสียหายไป 21 ลำ รวมมูลค่าการสูญเสีย 72 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1 ใน 3 ของมูลค่าเรือในยุคโน้น ต้องใช้เวลาซ่อมนานถึง 7 เดือน

นั่นคือยกกลางๆ ของสงครามเวียดนามที่ดำเนินมาอีก 8 ปี.
.

เหตุการณ์กระฉ่อนโลก 29 ก.ค.2510 US Navy Photo

4

5

6

7

8

9

10

11

กำลังโหลดความคิดเห็น