ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ในยุคหนึ่งยูเอสเอสฟอเรสตัล (USS Forrestal CV-59) เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ และในโลก เคยเป็นป้อมปราการยักษ์ลอยน้ำน่าเกรงขามมากที่สุด และมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในช่วงครามเวียดนาม เคยถูกสื่อของทางการคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือเรียกว่า “ฆาตกรแห่งอ่าวตังเกี๋ย” แต่ในสัปดาห์นี้ หลังจากรับใช้กองทัพเรือสหรัฐฯ เป็นเวลา 60 ปี เรือยักษ์ถูกขายทิ้งด้วยราคาเพียง 1 เซ็นต์ หรือราว 32 สตางค์ เพื่อนำไปทำเป็นเศษเหล็ก
กองทุนในรูปมูลนิธิแห่งหนึ่งที่ดูแลเรือปลดระวางประจำการลำนี้ ได้ตัดสินใจขายเรือฟลอเรสตัลให้แก่กลุ่มบริษัทออลสตาร์มีทัลส์ (All Star Metals Llc) ในเมืองบราวน์สวิลล์ (Brownsville) รัฐเทกซัส ในราคา 1 เซ็นต์ มีการประกาศเรื่องนี้ ในเว็บไซต์ของบริษัทวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา
ออลสตาร์มีทัลส์ เป็นบริษัทลูกของสแคร็ปมีทัลส์ เซอร์วิสเซส (Scrap Metal Services) ซึ่งเป็นคู่สัญญากับกองทัพเรือสหรัฐฯ เพื่อการย่อยทำลายเรือทุกชนิดที่ปลดประจำการทำเป็นโลหะสำหรับรีไซเคิล และรักษาสภาพแวดล้อม
ตามประวัติอย่างเป็นทางการ เรือฟอเรสตัล ต่อโดยอู่ต่อเรือใหญ่แห่งหนึ่งทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ทำพิธีปล่อยลงน้ำวันที่ 11 ธ.ค.2497 เข้าประจำการในปีถัดมา
นิตยสารป็อปปูลาร์ไซน์ซ (Popular Science) ที่มีอิทธิพลบรรยายว่า ฟอเรสตัล เป็นเรือรบลำใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างขึ้นมาในโลกนี้ ด้วยระวาง 56,000 ตัน ความยาวตลอดลำ 317 เมตร ใช้ลูกเรือถึง 3,500 คน บรรทุกอากาศยานทุกชนิดได้กว่า 80 ลำ ต้องใช้วิศวกรกับคนงานกว่า 16,000 คนในการก่อสร้าง ด้วยมูลค่า 217 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการขับเคลื่อนเช่นเดียวกับเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ทุกลำในยุคใหม่ แต่ฟอเรสตัล ก็ใช้ระบบดีด (Catapult) อันทันสมัยที่ใช้พลังงานจากไอน้ำเช่นเดียวกันกับในวันนี้
ระบบดีดตัวถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยเครื่องบินบินขึ้นจากชั้นดาดฟ้าด้วยความเร็วสูงในระยะทางสั้นๆ ซึ่งเป็นเทคนิคลำหน้ามากที่สุด ปัจจุบัน จีนกำลังทดลองทำบ้างเพื่อติดตั้งบนเรือบรรทุกเครื่องบินสร้างเองลำแรกที่ต่ออยู่ในขณะนี้
ระบบนี้ยังใช้บนเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ทุกลำในปัจจุบัน โดยใช้ไอน้ำที่มีเหลือเฟือจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อันเป็นขุมพลังงานในการขับเคลื่อนเรือ
ยูเอสเอสฟอเรสตัล ปลดระวางประจำการในปี พ.ศ.2537 และถูกย้ายออกจากฐานทัพเรือนอร์ฟอล์ก เวอร์จิเนีย ไปจอดในอ่าวนิวพอร์ต รัฐโรดไอส์แลนด์ ต่อมา ในปี 2553 ถูกลากไปยังอู่ต่อเรือแห่งหนึ่งในฟิลาเดลเฟีย เพนซิลเวเนีย กองทัพเรือสหรัฐฯ หวังจะบริจาคให้แก่กองทุนเรือองค์การแห่งใดแห่งหนึ่งที่ประสงค์จะใช้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นมาการรณรงค์หาทุนดำเนินการไม่เคยประสบความสำเร็จ และไม่มีหน่วยงานใดสนใจเนื่องจากจะมีค่าฟื้นฟูบูรณะ กับค่าบำรุงรักษาสูงมาก
กองทัพเรือพร้อมจะบริจาคให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพื่อนำไปทำปะการังเทียมในทะเลในเขตที่อยู่ไกลจากนักประดาน้ำเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัย และแพร่พันธุ์ของปลา แต่ก็ต้องใช้เงินดำเนินการอีกมากมาย และไม่มีหน่วยใดอาสา
.
2
3
.
กองทุนที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อรณรงค์เรื่องนี้จึงเปลี่ยนใจ และวาระสุดท้ายของเรือรบยิ่งใหญ่ที่สุดอีกลำหนึ่งของโลกที่ตกอับก็มาถึง เรือจะถูกลากไปยังมลรัฐเทกซัสสิ้นปีนี้ กลายเป็นเศษเหล็ก เรือชั้นฟอเรสตัล ลำอื่นๆ อีก 2-3 ลำก็จะมีอนาคตไม่ต่างกัน
ฟอเรสตัล ได้ชื่อเป็น “ปราการยักษ์ลอยน้ำ” (Super Carrier) เคยมีบทบาทในสงครามกับความขัดแย้งครั้งสำคัญมาทั่วโลก รวมทั้งในเหตุการณ์สำคัญที่เรียกว่า “วิกฤตการณ์คลองสุเอซ” ปี พ.ศ.2499 ซึ่งเป็นสงครามระหว่างอียิปต์ และปาเลสไตน์ฝ่ายหนึ่ง กับอิสราเอล อังกฤษและฝรั่งเศสอีกฝ่ายหนึ่ง
ครั้งนั้น ประธานาธิบดีอับเดล นัสเซอร์ แห่งอียิปต์ ซึ่งหันไปมีความใกล้ชิดกับสหภาพโซเวียตประกาศยึดเส้นทางเดินเรือเชื่อมทวีป และมหาสมุทรสายสำคัญนี้เป็นของรัฐบาล
เรือยูเอสเอสฟอเรสตัล เคยแล่นไปทุกน่านน้ำทั่วโลก รวมทั้งครั้งหนึ่งที่ไปถึงทะเลน้ำแข็งแถบขั้วโลกเหนือ ซึ่งแสดงให้เห็นความคงทน กับประสิทธิภาพยืนยันว่ามันสามารถทำการรบได้ในทุกๆ ที่แม้ว่าจะเคยเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงหลายครั้งทั้งถูกไฟไหม้ และเหตุเครื่องบินตก และผ่านการซ่อมใหญ่มาหลายครั้งก็ตาม
เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ชื่อ “ฟลอเรสตัล” โด่งดังไปทั่วโลกก็คือ ไฟไหม้ครั้งใหญ่ขณะปฏิบัติการอยู่นอกเขตน่านน้ำเวียดนามเหนือ ในอ่าวตังเกี๋ยในเดือน ก.ค.2510
มีบันทึกว่าในเวลาแค่ 4 วันช่วงเดือนนั้น เครื่องบินแบบ A-4 “เหยี่ยวเวหา” (Skyhawk) กับ F-4 “แฟนทอม” (Phantom) จากเรือฟอเรสตัล ได้บินโจมตีทิ้งระเบิดทำลายเป้าหมายต่างๆ ในเวียดนามเหนือรวม 150 เที่ยว ซึ่งสื่อของทางการคอมมิวนิสต์กล่าวว่า ทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
สถานการณ์อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่านั้น ถ้าหากไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเสียก่อน...
ในวันที่ 29 ก.ค. ได้เกิดการระเบิดบนดาดฟ้าเรือฟลอเรสตัล ทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่สุด เมื่อจรวดลูกหนึ่งบนเครื่องบิน F-4 ลำหนึ่งขณะเตรียมออกปฏิบัติการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรจุดชนวนเอง จรวดพุ่งไปชนเข้ากับถังน้ำมันของ “สกายฮอว์ก” ลำหนึ่งซึ่งจอดอยู่ห่างออกไป และติดอาวุธเต็มที่ในสภาพเตรียมออกปฏิบัติการเช่นกัน
เหตุเกิดในขณะที่ เรือโทหนุ่มจอห์น เอส แม็คเคน (John S McCain III) เป็นผู้ช่วยนักบินอยู่บนสกายฮอว์กลำนั้น ต่อมา แม็คเคน คนเดียวกันนี้ถูกจับเป็นเชลยเมื่อเครื่องบินอีกลำหนึ่งถูกยิงตกขณะปฏิบัติการทิ้งระเบิดเหนือกรุงฮานอย และถูกคุมขังในเรือนจำ “ฮานอยฮิลตัน” อันเลื่องลือนานถึง 4 ปี .. ซึ่งก็คือ วุฒิสมาชิกจอห์น แม็คเคน ในปัจจุบันที่ครั้งหนึ่งเคยลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ถังน้ำมันใต้ปีกที่บรรจุ 400 แกลลอนลุกเป็นไฟโชติช่วงลามไปยังส่วนอื่นๆ ของเรือ เกิดระเบิดดังสนั่นติดต่อกันเป็นระลอก ไฟไหม้กินเวลานาน 4 ชั่วโมง มีผู้เสียชีวิต 134 คน บาดเจ็บอีกกว่า 300 คน เครื่องบินถูกทำลายเสียหายไป 21 ลำ รวมมูลค่าการสูญเสีย 72 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1 ใน 3 ของมูลค่าเรือในยุคโน้น ต้องใช้เวลาซ่อมนานถึง 7 เดือน
นั่นคือยกกลางๆ ของสงครามเวียดนามที่ดำเนินมาอีก 8 ปี.
.
เหตุการณ์กระฉ่อนโลก 29 ก.ค.2510 US Navy Photo
4
5
6
7
8
9
10
11